คลังเก็บหมวดหมู่: Gadget

70mai Dashcam A200 กล้องติดรถยนต์ รองรับกล้องหน้า+กล้องหลัง

เปิดตัว 70mai Dashcam A200 กล้องติดรถยนต์ รุ่นเริ่มต้น อัปเกรดนวัตกรรมและรวมเอาเทคโนโลยีทันสมัย ราคา เริ่มต้นเพียง 2,199 บาท

กล้อง Dashcam A200 มาพร้อมหน้าจอความละเอียดสูงขนาด 2 นิ้ว สามารถบันทึกภาพและวิดีโอได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง มีมุมกล้องกว้าง 130° ช่วยให้เก็บภาพครอบคลุมได้ถึง 3 เลน ทำให้สามารถบันทึกรายละเอียดสำคัญบนท้องถนน อาทิ ป้ายทะเบียนรถ หรือป้ายถนนต่างๆได้อย่างทั่วถึง และยังมีฟีเจอร์ HDR รองรับการถ่ายภาพด้วยอัตราเฟรม 1080P 60FPS ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง รวมถึงเทคโนโลยี MaiColor Vivid+ Solution™ ที่เป็นเทคโนโลยีเฉพาะของ 70 mai ทำให้ได้ภาพที่คมชัดสมจริงและมีความละเอียดแบบ Full HD 1080P

ในส่วนของการบันทึกภาพตอนกลางคืนนั้น ตัวกล้อง Dashcam A200 มีเลนส์กล้องที่มีรูรับแสง F2.0 และเทคโนโลยี Night Owl Vision™ ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ 70 mai ช่วยให้เก็บรายละเอียดสำคัญในที่แสงน้อยได้อย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันบันทึกภาพขณะจอดรถ 24 ชั่วโมง สามารถล็อคภาพเหตุการณ์ฉุกเฉิน เมื่อมีอุบัติเหตุการชนเกิดขึ้น โดยฟุตเทจทุก 30 นาทีจะถูกบีบอัดเป็น 1 นาที เพื่อประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูล (ระบบการทำงานและบันทึก parking mode จะทำงานเมื่อติดตั้งอุปกรณ์เสริมชุ Hardwire kit UP02) และยังรองรับการเชื่อมต่อแอป 70mai บนโทรศัพท์มือถือ ผ่าน Wifi โดยสามารถตั้งค่า ควบคุม และจัดการกล้อง รวมถึงดาวน์โหลดและแชร์ฟุตเทจด้วย

70mai Dashcam A200 ถือเป็นอีกหนึ่งผู้ช่วยสำคัญให้ผู้ขับขี่สามารถใช้รถใช้ถนนได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยมีวางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ Lazada Shopee และ Tiktok และยังสามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ราคา เริ่มต้นเพียง 2,199 บาท รับประกันศูนย์ไทย 1ปี

ONE PIECE x CASETiFY คอลเลกชั่นใหม่กับดีไซน์ “GEAR 5” พลังขั้นเทพของลูฟี่

ONE PIECE x CASETiFY คอลเลคชันใหม่ กับร่างเทพนิกะ ‘Gear 5’ พลังขั้นสุดของลูฟี่ มีให้เลือกทั้งเคส MagSafe, ขาตั้งกริป ฯลฯ

สุดปังอีกครั้งกับคอลแลบของสาวกเอนิเมะอย่าง ONE PIECE ที่ครั้งนี้มีการออกแบบใหม่ถึง 3 รูปแบบ โดยนำแรงบันดาลใจมาจากพลัง Gear 5 ของลูฟี่ ในการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ระหว่าง “ลูฟี่” กับ “ไคโด” รวมถึงไอคอนที่น่าจดจำอื่น ๆ จากซีรีส์นี้ ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งในการผสมผสานของโทนสีดำและสีทอง

มาพร้อมการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมาของ CASETiFY อย่าง Ultra Bounce Case นอกจากนี้ โดยมีตัวเลือก ในเคสอีกหลากหลายรูปแบบ โดยที่ลายใหม่นี้ จะใช้ได้กับอุปกรณ์เสริมที่เข้ากันได้กับ MagSafe เช่น ขาตั้งกริ๊ปที่สะดวกสบาย และช่องใส่บัตรมาขาตั้งด้วย ราคาเริ่มต้น 1,199 – 3,599 บาท

CASETiFY มีคอลเลคชันสินค้าสำหรับสมาร์ทโฟน จากคาแรคเตอร์คอมมิคและอนิเมะชื่อดังมากมาย อาทิ Dragonball, One Piece, Evangelion, Chainsaw man รวมถึงงานดีไซน์ของศิลปินจากทั่วทุกมุมโลก

ช้อปได้แล้ววันนี้ที่ Casetify.com หรือ บนแอปพลิเคชันใหม่ CASETiFY Co-Lab app (ดาวน์โหลดได้จาก App Store) และที่ CASETiFY Studio ทุกสาขา ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ CASETiFY ได้ที่ CASETiFY.com หรือติดตามข่าวสารได้ทาง InstagramFacebookTikTok  และ Twitter

ONE PIECE x CASETiFY

เปิดตัว GARMIN VIVOACTIVE 5 โค้ชสุขภาพคนใหม่ในราคาสบายกระเป๋า

การ์มิน เปิดตัว GARMIN VIVOACTIVE 5 สมาร์ทวอทช์สำหรับคนรักสุขภาพและผู้ชื่นชอบการออกกำลังกายรุ่นใหม่ล่าสุด ผู้ช่วยดูแลสุขภาพคนสำคัญในราคาที่เข้าถึงได้ มาพร้อมหน้าจอทัชสกรีน AMOLED สว่างคมชัด อัดแน่นด้วยฟีเจอร์สุขภาพแบบจัดเต็ม

GARMIN VIVOACTIVE 5 “KNOW THE REAL YOU”

ให้คุณรู้ลึกอินไซด์สุขภาพ และคอยช่วยผลักดันให้บรรลุเป้าหมายการออกกำลังกายเพื่อการมีสุขภาพที่ดี VIVOACTIVE 5 ยังมาพร้อมแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานยาวนานถึง 11 วันในโหมดสมาร์ทวอทช์ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จระหว่างคืน

เป็นผู้ข่วนที่ติดตามข้อมูลอินไซด์สุขภาพ อย่างระดับความเครียด (Stress Level) ระดับพลังงานร่างกาย (Body Battery) ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งยังสามารถติดตามการนอนหลับและการงีบหลับ รวมถึงเป็น ‘โค้ชการนอนส่วนตัว’ คอยให้คำแนะนำเพื่อเพิ่มคุณภาพในการนอนของแต่ละบุคคลอย่างเหมาะสม เพื่อการเริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่สดใส

การเปิดตัวในครั้งนี้ Garmin ยังจัดขบวนโรดโชว์ เพื่อตอกย้ำคอนเซ็ปต์ KNOW THE REAL YOU รู้ลึกอินไซด์สุขภาพด้วย Garmin สมาร์ทวอทช์กลุ่มเวลเนส 2 ตัว ได้แก่ VENU 3 และ VIVOACTIVE 5 โดยโรดโชว์จะมีขึ้นในวันที่ 4 – 6 ตุลาคม ตั้งแต่เวลา 12.00 – 19.00 น. เริ่มที่แรกตึกสิงห์ คอมเพล็กซ์ ณ ลานกิจกรรม Square B (Outdoor) ตามด้วยพาร์ค สีลม และจะจบลงที่เพิร์ล แบงก์ค็อก ณ โดม Sale Gallery ลานหน้าอาคาร

ฟีเจอร์ใหม่ใน VIVOACTIVE 5

  • จอแสดงผลแบบ AMOLED ช่วยให้อ่านข้อมูลสุขภาพ รับข้อความแจ้งเตือน และใช้งานอื่นๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น 
  • แบตเตอรี่จุใจยิ่งขึ้น – สามารถใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องถึง 11 วันในโหมดสมาร์ทวอทช์ ใช้เวลาในการชาร์จน้อยลง ให้ผู้สวมใส่สนุกกับกิจกรรมที่ชอบได้นานยิ่งขึ้น 
  • โค้ชการนอน – ติดตามการนอนหลับในแต่ละสเตจ การงีบหลับ รวมถึงเมตริกสำคัญอื่นๆ อาทิ ความอิ่มตัวออกซิเจนในเลือด (Pulse OX)1 และความแปรปรวนอัตราการเต้นหัวใจ (HRV) ในระหว่างการนอนหลับ ประเมินคุณภาพการนอนหลับออกมาเป็นคะแนน Sleep Score พร้อมให้คำแนะนำระยะเวลาการนอนที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล 
  • เริ่มต้นวันใหม่ด้วย Morning Report ที่นำเสนอรายงานข้อมูลภาพรวมการนอน การฟื้นฟูร่างกาย ข้อมูลสถานะความแปรปรวนอัตราการเต้นของหัวใจ รวมถึงข้อมูลสภาพอากาศในทุกเช้าทันทีที่ตื่นนอน (เมื่อจับคู่กับสมาร์ทโฟนที่รองรับการใช้งานร่วมกัน)
  • ติดตามและบันทึกการงีบหลับอัตโนมัติเพื่อประเมินว่าการงีบหลับนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร พร้อมให้คำแนะนำช่วงเวลาและระยะเวลาในการงีบหลับที่เหมาะสม 
  • ติดตามระดับพลังงานร่างกาย (Body Battery Energy Levels) ตลอดวัน เพื่อให้ทราบว่าเวลาใดคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการทำกิจกรรม หรือเวลาใดควรพักผ่อน ทั้งยังสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและข้อมูลเชิงลึกส่วนบุคคลที่จะแสดงให้เห็นว่าการนอน การงีบหลับ การทำกิจกรรมในแต่ละวัน และความเครียดส่งผลกระทบต่อระดับพลังงานร่างกายอย่างไร
  • โหมดวีลแชร์ (Wheelchair Mode) ติดตามการออกแรงผลักล้อ แจ้งเตือนการถ่ายเทน้ำหนัก (Weight Shift) รวมถึงฟีเจอร์สำหรับเล่นกีฬาและออกกำลังกายบนวีลแชร์ ซึ่งฟีเจอร์สำหรับการใช้งานบนวีลแชร์เหล่านี้ดัดแปลงจากอัลกอริทึ่มที่มีอยู่เดิมของการ์มิน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน ตลอดจนส่งมอบข้อมูลอินไซด์เพื่อผู้ใช้งานบนวีลแชร์  
  • ช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจว่าการออกกำลังกายส่งผลต่อร่างกายอย่างไร และร่างกายต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูมากแค่ไหนหลังการออกกำลังกายแต่ละครั้ง 
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำการฝึกสมาธิ เพื่อลดความเครียด และคลายความกังวล 
  • เลือกขนาดตัวอักษรได้จาก 2 ตัวเลือกเพื่ออ่านแจ้งเตือน และข้อมูลสุขภาพได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

ค้นหาสิ่งที่ชอบ – Find Your Passion 

VIVOACTIVE 5 มาพร้อมแอปกีฬาในตัวมากกว่า 30 รายการ ทั้งกิจกรรมในร่มและกลางแจ้งที่ต้องใช้ GPS ในการติดตาม ไม่ว่าจะเป็น การเดิน วิ่ง พายเรือ พิคเคิลบอล หรือแม้แต่กีฬาบนวีลแชร์ ผู้ใช้ยังสามารถออกแบบการออกกำลังกายทีละขั้นตอนด้วยตัวเอง ได้จากการออกกำลังกายกว่า 1,600 รายการ ในแอปพลิเคชั่น Garmin Connect และสามารถโหลดมายังนาฬิกาได้อย่างง่ายดาย สำหรับนักวิ่งที่ต้องการฝึกวิ่งในระยะ 5K หรือระยะไกลอื่นๆ สามารถฝึกซ้อมตามแผนการฝึกของ Garmin Coach ที่ปรับแต่งให้เหมาะสมกับแต่ละคนได้ เพื่อเตรียมความพร้อมของร่างกายก่อนลงสนามจริง ยิ่งไปกว่านั้น VIVOACTIVE 5 ยังสามารถนับจำนวนก้าวและแคลอรี่ที่เผาผลาญ รวมถึงติดตามความเข้มข้นเฉลี่ยในการออกกำลังกาย (Intensity Minute) ระดับกลางและระดับสูง ข้อมูล VO2Max และเมตริกสุขภาพอื่นๆ ได้อีกมากมาย 

รักษาความแข็งแรงอย่างต่อเนื่อง – Keep going Strong  

VIVOACTIVE 5 อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ติดตามสุขภาพและการออกกำลังกายแบบจัดเต็ม มาพร้อมแบตเตอรี่อายุการใช้งานยาวนาน 11 วัน จึงสามารถติดตามข้อมูลสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น อัตราการเต้นของหัวใจ อัตราการหายใจ ความอิ่มตัวออกซิเจนในเลือด และความเครียด ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการถอดชาร์จระหว่างคืน รวมถึงติดตามสถานะความแปรปรวนอัตราการเต้นหัวใจขณะหลับ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจภาพรวมสุขภาพของตนเองได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ VIVOACTIVE 5 ยังสามารถเก็บข้อมูลรอบเดือนและการตั้งครรภ์ พร้อมให้คำแนะนำด้านโภชนาการที่เป็นประโยชน์ให้กับคุณผู้หญิงได้อีกด้วย 

ไม่พลาดทุกการเชื่อมต่อ – Stay Connected 

ไม่ว่าจะทำอะไร หรืออยู่ที่ไหน VIVOACTIVE 5 ก็พร้อมดูแลให้ผู้สวมใส่ไม่พลาดทุกการเชื่อมต่อ สามารถรับข้อความ อีเมล และแจ้งเตือนต่างๆ เพียงจับคู่กับสมาร์ทโฟนที่รองรับการใช้งานร่วมกัน ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนระบบแอนดรอยด์ยังสามารถพิมพ์ข้อความจากแป้นคีย์บอร์ด รวมถึงเรียกดูภาพได้โดยตรงจากบนหน้าปัดนาฬิกา VIVOACTIVE 5 มาพร้อมฟีเจอร์การติดตามและความปลอดภัยที่จะส่งข้อความระบุตำแหน่งปัจจุบันของผู้สวมใส่ไปยังรายชื่อผู้ติดต่อฉุกเฉินที่เลือกไว้ทันทีที่ผู้สวมใส่รู้สึกไม่ปลอดภัย หรือหากนาฬิกาตรวจจับเหตุการณ์ไม่น่าไว้วางใจ5 VIVOACTIVE 5 ยังรองรับการใช้งาน Garmin Pay ระบบชำระเงินไร้สัมผัสผ่านบัตรเครดิตจากธนาคารที่รองรับ รวมถึง Garmin x Rabbit บริการชำระเงินผ่าน Rabbit Card ณ ผู้ให้บริการที่มีสัญลักษณ์ยินดีต้อนรับ Rabbit Card และยังสามารถดาวน์โหลดเพลงและเพลลิสต์จากผู้ให้บริการสตรีมมิ่งเพลง เช่น Spotify เพื่อฟังเพลงโดยไม่ต้องใช้โทรศัพท์ นอกจากนี้ยังสามารถดาวน์โหลดหน้าปัดนาฬิกา และแอปต่างๆ จาก Connect IQ ได้ทั้งจากสมาร์ทโฟน หรือจากสมาร์ทวอทช์โดยตรงก็ได้เช่นกัน 

GARMIN VIVOACTIVE 5 ดีไซน์โดดเด่นด้วยขอบหน้าปัดอลูมิเนียม ที่มาพร้อมสายซิลิโคน น้ำหนักเบา มีหลากหลายสีสันให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น เฉดสีดำ Black Slate สีครีม Ivory สีน้ำเงิน Navy/Metallic และสี Orchid/Metallic  ราคา 10,990 บาท

พบกับ VIVOACTIVE 5 ได้แล้ววันนี้ที่ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของการ์มินทุกสาขา ติดตามข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ https://gar.mn/rLWoRzL หรือ เฟซบุ๊กแฟนเพจ Garmin Thailand และ อินสตาแกรม Garmin Thailand 

Fujifilm เปิดตัวกล้อง INSTAX Pal เพื่อนคู่ใจไซส์จิ๋ว

Fujifilm INSTAX Pal ถือเป็นกล้องรุ่นแรกในตระกูล INSTAX ที่โฟกัสเรื่องการถ่ายภาพโดยเฉพาะ ด้วยการแยกฟังก์ชันปริ้นออกจากตัวเครื่อง กลายเป็นกล้องขนาดจิ๋วที่เล็กกว่าฝ่ามือเพื่อการพกพาและใช้งานที่คล่องตัวมากขึ้น

INSTAX Pal มาพร้อมฟังก์ชันที่หลากหลาย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการถ่ายภาพ อาทิ โหมด Standard สามารถถ่ายรูปง่าย ๆ เพียงกดชัตเตอร์ที่ด้านหลังของเครื่อง เลนส์มุมกว้างช่วยให้ถ่ายมุมเสยหรือมุมต่ำได้ง่าย ๆ แบบที่กล้องสมาร์ตโฟนอาจจะทำได้ยาก ใช้เพียงมือเดียวก็เก็บบรรยากาศรอบ ๆ ได้ครบถ้วน นอกจากนี้โหมด Remote ยังเชื่อมต่อกล้องกับสมาร์ตโฟนโดยใช้บลูทูธผ่านแอปสำหรับ INSTAX Pal โดยเฉพาะ ช่วยให้เช็กรูปที่ถ่ายได้ทันทีผ่านสมาร์ตโฟน และในโหมด Interval ยังตั้งเวลาถ่ายต่อเนื่องทุก ๆ 3 วินาทีเพื่อเก็บโมเมนต์ดี ๆ ได้อย่างไม่มีสะดุด INSTAX Pal ยังเชื่อมต่อกับเครื่องปริ้นในกลุ่ม INSTAX Link ผ่านบลูทูธเพื่อปริ้นรูปที่ถ่ายจากกล้องเป็นฟิล์มได้อีกด้วย ฟูจิฟิล์ม พร้อมเดินหน้าสร้างสรรค์ระบบอินสแตนท์ที่ทำให้ทุกคนได้สนุกกับการเก็บโมเมนต์ดี ๆ ได้ทุกที่ทุกเวลา

Fujifilm INSTAX Pal พร้อมวางจำหน่ายใน 5 สี ได้แก่ สีขาว Milky White, สีชมพู Powder Pink, สีฟ้า Lavender Blue, สีเขียว Pistachio Green และสีดำ Gem Black

7 คุณสมบัติเด่นของ INSTAX Pal

กล้องดิจิทัลที่พร้อมไปกับคุณได้ทุกที่: ด้วยขนาดเล็กจิ๋วและน้ำหนักเพียง 41 กรัม (ขนาดความกว้าง 42 มม. ความสูง 44 มม. และลึก 43 มม.) คุณสามารถพก INSTAX Pal ติดกระเป๋าเป้หรือแม้แต่ใส่กระเป๋ากางเกงไว้ก็ยังได้ กล้อง INSTAX Pal ช่วยเก็บทุกความทรงจำได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายด้วยโหมด Standard ที่ถ่ายรูปด้วยปุ่มชัตเตอร์เพียงปุ่มเดียวที่ด้านหลัง และด้วยเลนส์มุมกว้างของตัวกล้อง ทำให้สามารถสร้างสรรค์มุมสุดแปลกใหม่ที่ถ่ายไม่ได้จากกล้องสมาร์ตโฟนทั่วไป จะมุมสูงหรือมุมไหนก็ถ่ายได้ไม่ติดขัด จึงเหมาะสำหรับการถ่ายภาพที่ต้องการถ่ายวิวกว้าง ๆ หรือการถ่ายรูปหมู่ที่ต้องเก็บภาพหลาย ๆ คนในเฟรมเดียว มอบประสบการณ์การถ่ายรูปที่สนุกสนานไม่เหมือนใคร

มาพร้อมวงแหวนอเนกประสงค์ (Multi-function Ring): INSTAX Pal ช่วยให้หยิบจับได้สะดวกไม่หลุดมือ และยังทำหน้าที่เป็นช่องมองภาพ (Viewfinder) ที่ช่วยหาจุดโฟกัสและเป็นขาตั้งกล้องในตัว
ได้ด้วย

รองรับการถ่ายและการปริ้น 3 รูปแบบ ทั้ง mini, SQUARE และ WIDE: ผู้ใช้งานสามารถเลือกรูปแบบในการถ่ายด้วย INSTAX Pal ถ่ายและพิมพ์รูปใน 3 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Mini, Square หรือ Wide และสามารถสั่งปริ้นตามรูปแบบที่เครื่องปริ้น INSTAX Link นั้น ๆ รองรับ

ส่งภาพที่ถ่ายจากกล้องไปยังแอปที่ใช้ร่วมกันโดยอัตโนมัติ: เมื่อกล้องเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟน
ผ่านบลูทูธ รูปที่ถ่ายโดย INSTAX Pal จะถูกส่งไปยังแอปในสมาร์ตโฟนนั้นอัตโนมัติ และสามารถบันทึกภาพเหล่านั้นในรูปกรอบฟิล์ม INSTAX พร้อมเพิ่มความตื่นเต้นเพราะทุกคนจะไม่เห็นรูปที่ถ่ายจนกว่าจะเข้าไปดูในแอป ช่วยสร้างเซอร์ไพรส์สนุก ๆ กับเพื่อน ๆ เวลาเก็บโมเมนต์เผลอ ๆ ได้เป็นอย่างดี

สนุกกับการถ่ายภาพได้ไม่รู้จบด้วยแอปบนสมาร์ตโฟน: เมื่อเชื่อมต่อกล้อง INSTAX Pal กับ
แอปบนสมาร์ตโฟน จะสามารถเลือกโหมด Remote ที่ทำให้สามารถเช็กช็อตที่จะถ่ายได้ก่อน, โหมด Interval ทำให้ตั้งเวลาในการถ่ายรูปห่างกันช็อตละ 3 วินาที และลำโพงในตัวที่จะช่วยส่งเสียงเป็นสัญญาณก่อนชัตเตอร์ทำงาน ซึ่งคุณสามารถอัดเสียงพูดของตนเองเป็นเสียงกดชัตเตอร์ผ่านแอปได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน INSTAX Animation สำหรับนำภาพถ่ายต่อเนื่องหลายช็อตและทำเป็นวิดีโออัลบั้ม และยัง สแกน QR CODE เพื่อดูวิดีโอผ่านฟิล์มที่ปริ้นออกมา ให้ผู้ใช้งานสนุกกับเพื่อนและครอบครัว หรือแบ่งปันลงโซเชียลมีเดียได้อีกด้วย

ปริ้นรูปฟิล์มง่ายๆ โดยตรงด้วยเครื่องปริ้นกลุ่ม INSTAX Link: สามารถปริ้นภาพจากกล้อง INSTAX Pal ทันทีหลังเชื่อมต่อกับเครื่องปริ้นกลุ่ม INSTAX Link รวมไปถึงกล้องอินสแตนท์กลุ่มไฮบริด อาทิ “INSTAX mini Evo” และ “INSTAX mini LiPlay” โดยเลื่อนโหมดที่ด้านล่างของตัวกล้อง INSTAX Pal จาก “F (โหมด FUN)” เป็น “L (โหมด Link)” ตัวกล้องจะเชื่อมต่อบลูทูธโดยตรงกับอุปกรณ์กลุ่ม INSTAX Link ได้โดยไม่ต้องใช้แอป ภาพที่ถ่ายด้วย INSTAX Pal ในโหมดนี้จะถูกปริ้นจากเครื่องปริ้น INSTAX Link โดยอัตโนมัติทันทีเหมือนใช้งานกล้องอินสแตนท์แบบอนาล็อก

คุณสมบัติอื่นๆ ที่น่าสนใจ: ตัวกล้องมีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนในตัว สามารถถ่ายรูปได้ประมาณ 240 รูปต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง รองรับการชาร์จผ่านพอร์ต USB Type-C (สายชาร์จแถมมากับตัวกล้อง) สามารถตั้งค่ากล้องให้บันทึกรูปไว้ในตัวเครื่องแทนการถ่ายโอนไปที่แอปแบบอัตโนมัติ และเก็บไฟล์ภาพได้สูงสุด 50 รูปในหน่วยความจำของตัวเครื่อง นอกจากนี้เมื่อใส่การ์ด microSD (จำหน่ายแยก) จะสามารถเพิ่มความจุของหน่วยความจำและจัดเก็บภาพได้มากขึ้น

เปิดจอง Sony WF-1000XM4 หูฟังไร้สายแบบอินเอียร์ ราคา 8,990 บาท

โซนี่ ไทย เปิดจอง หูฟัง Sony WF-1000XM4 ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน ถึง 7 กรกฏาคม ศกนี้ ใน ราคา 8,990 บาท ทั้งสีดำ และ สีเงิน พร้อมรับโปรโมชั่นพิเศษ

พบกับ WF-1000XM4 หูฟังไร้สายแบบอินเอียร์ ที่ยกระดับการตัดเสียงรบกวน และมอบคุณภาพเสียงชั้นยอดของวงการ จัดเต็มด้วยสุดยอดเทคโนโลยีทางด้านเสียงที่ครบครัน ผสานการออกแบบที่พอดีกับหูทุกขนาด พร้อมมอบประสบการณ์การฟังเพลงส่วนตัวที่สามารถปรับให้เข้ากับทุกสถานการณ์ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของการฟังเพลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Sony WF-1000XM4 ลดเสียงรบกวน ให้พลังเสียงที่คมชัด

ด้วยประสิทธิภาพของเทคโนโลยีการตัดเสียงที่ดีที่สุดที่อยู่ในหูฟังรุ่นใหม่ WF-1000XM4 ผสานการทำงานโดยส่งผ่านหน่วยประมวลผล Integrated Processor V1™ ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษ โดยทำงานร่วมกับชิปรูปแบบใหม่ QN1e ที่ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบตัดเสียงรบกวนและเทคโนโลยี Bluetooth® System on Chip สามารถให้การตัดเสียงรบกวนในระดับสูงสุดแต่ใช้พลังงานน้อยกว่ารุ่นก่อนนอกจากนี้ตัวหูฟังยังมาพร้อมไมโครโฟนที่มีเซ็นเซอร์ตรวจจับเสียงสัญญาณรบกวนคุณภาพสูงถึง 2 ตัว โดยตัวหนึ่งจะทำหน้าที่ฟีดไปข้างหน้า และอีกหนึ่งตัวจะทำหน้าที่เป็นฟีดแบล็ค เพื่อให้เสียงรบกวนรอบข้างจะถูกได้ยินและวิเคราะห์ ทำให้เกิดการตัดเสียงรบกวนที่แม่นยำสูงสุด ในขณะเดียวกันยังให้เสียงคุณภาพสูงด้วยไดร์เวอร์ขนาด 6 มม. ที่ได้รับการออกแบบมาพร้อมปริมาณแม่เหล็กที่เพิ่มขึ้น 20% รวมถึงเพิ่มไดอะแฟรม ซึ่งจะช่วยให้เกิดช่วงความถี่ต่ำและเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดเสียงรบกวนได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ ยิ่งไปกว่านั้น WF-1000XM4 ยังมาพร้อมเอียร์บัดที่ผลิตจากวัสดุโพลียูรีเทนโฟมที่มีความนุ่มและยืดหยุ่นสูง จะช่วยเพิ่มพื้นที่สัมผัสระหว่างปลายเอียร์บัดและช่องหู ทำให้เกิดความพอดีกับช่องหูมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยลดช่องว่างรวมถึงป้องกันเสียงและลดเสียงรบกวน อีกทั้งยังสวมใส่สบาย ใช้งานได้นานโดยไม่ล้าหู ในขณะที่ตัวหูฟังได้รับการปรับปรุงการยึดเกาะกับช่องหูเพื่อความกระชับมากยิ่งขึ้นอีกด้วย แม้ในวันที่ลมแรงโหมดลดเสียงลมจะเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติ โดยจะทำหน้าที่ตรวจจับเมื่อมีลมแรงและจะระงับเสียงลมได้อย่างทันท่วงที

คุณภาพเสียงที่เหนือชั้น

WF-1000XM4 ยังรองรับเทคโนโลยี LDAC ทำให้สามารถส่งสัญญาณเสียงความละเอียดระดับ High-Resolution Audio Wireless ได้มากกว่าสามเท่าเมื่อเทียบกับเสียงที่ส่งผ่าน Bluetooth® ทั่วไป ทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับเสียงคุณภาพสูง โดยคุณภาพเสียงที่ได้รับมีความใกล้เคียงกับการเชื่อมต่อแบบใช้สายเลยทีเดียว ด้วยไดร์เวอร์ขนาด 6 มม. ที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ จะสร้างเสียงไดนามิกที่มีขนาดเล็กผสานกับไดอะแฟรมที่ตรงตามมาตรฐานจะช่วยสร้างเสียงเบสที่หนักแน่น อีกทั้งหน่วยประมวลผล Integrated Processor V1™ ยังช่วยเพิ่มคุณภาพเสียงและลดความผิดเพี้ยน รวมถึงเปิดการใช้งานการประมวลผลตัวแปรสัญญาณ LDAC และ DSEE Extreme™ ในขณะเดียวกันการใช้ Edge-AI ยังทำให้ DSEE Extreme™ (Digital Sound Enhancement Engine) เพิ่มสเกลไฟล์เพลงดิจิตอลที่ถูกบีบอัดแบบเรียลไทม์ได้อย่างยอดเยี่ยม เพื่อประสบการณ์การฟังเพลงที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

การรับฟังที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ฟังก์ชั่น Speak-to-Chat ที่มีอยู่ใน WF-1000XM4 ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวาง ด้วยฟังก์ชั่น Speak-to-Chat ช่วยให้คุณไม่พลาดทุกการสื่อสารกับคนรอบข้าง เพียงเปล่งเสียงพูดหรือสนทนาสั้นๆในขณะที่สวมใส่หูฟังอยู่ เสียงเพลงภายในหูฟังจะหยุดเล่นโดยอัตโนมัติ พร้อมเปิดรับเสียงจากภายนอกเข้ามาเพื่อให้คุณสามารถสนทนาได้สะดวก และเมื่อสิ้นสุดการสนทนาเสียงเพลงภายในหูฟังจะเริ่มเล่นอีกครั้งโดยอัตโนมัติ ในขณะที่เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอย่าง Precise Voice Pickup จะทำหน้าที่ควบคุมไมโครโฟนและเซ็นเซอร์ทั้งสี่ตัวให้เข้ากับการประมวลผลสัญญาณเสียงขั้นสูงได้เป็นอย่างมีประสิทธิภาพ

 ยิ่งไปกว่านั้นยังมาพร้อมโหมด Quick Attention จะทำหน้าที่ควบคุมการรับเสียงจากภายนอกในระหว่างการใช้หูฟัง เพียงคุณวางนิ้วมือของคุณบนเอียร์บัดด้านซ้าย เสียงเพลงจากภายในหูฟังจะถูกลดระดับความดังลงและเปิดรับเสียงรอบข้างขึ้นมาทันที เท่านั้นยังไม่พอยังมาพร้อมฟังก์ชั่นอัจฉริยะ Adaptive Sound Control จะทำการตรวจจับว่าคุณอยู่ที่ไหนและกำลังทำอะไรอยู่ จากนั้นระบบจะทำการปรับการตั้งค่าเสียงรอบข้างให้เหมาะสมกับสถานการณ์นั้นๆ เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การฟังที่ดีที่สุด โดยคุณสามารถเลือกให้ Adaptive Sound Control ได้เรียนรู้และจดจำสถานที่ที่คุณไปบ่อยๆได้ อาทิ ที่ทำงาน โรงยิม หรือร้านกาแฟที่ชื่นชอบ รวมถึงสามารถปรับแต่งเสียงให้เหมาะกับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ตัวหูฟังยังมาพร้อมเซ็นเซอร์ที่ฝังอยู่บนตัวหูฟังจะทำหน้าที่ตรวจจับการสวมใส่ เมื่อคุณถอดหูฟังออกเพลงจะหยุดเล่นทันที  และในขณะเดียวกันเมื่อคุณสวมหูฟังกลับเข้าไปใหม่อีกครั้ง เพลงจะเริ่มเล่นต่อเองโดยอัตโนมัติเช่นกัน

คุณภาพการใช้งานโทรศัพท์ด้วยเสียงสุดคมชัด

ด้วยเทคโนโลยี Precise Voice Pickup ทำให้การโทรแบบแฮนด์ฟรีมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเทคโนโลยี Precise Voice Pickup เป็นการควบคุมการรับเสียงที่แม่นยำ และด้วยไมโครโฟน 2 ตัวในหูฟังแต่ละข้าง ช่วยให้เสียงการสนทนาชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการทำงานผสานกันระหว่างไมโครโฟน และเซ็นเซอร์ Bone Conduction ได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ตัวหูฟังยังทำหน้าที่รับเสียงอย่างชัดเจนและแม่นยำเพื่อรองรับการใช้งานแบบแฮนด์ฟรี  ในขณะเดียวกันไมโครโฟน Beamforming จะทำหน้าที่รับเสียงที่ออกจากปากคุณเท่านั้น ระบบจะทำการตรวจจับทุกคำพูดของคุณแม้จะมีเสียงรบกวนรอบข้าง รวมถึงเซ็นเซอร์ Bone Conduction แบบใหม่นี้จะทำหน้าที่รับการสั่นสะเทือนจากเสียงของคุณโดยจะไม่บันทึกเสียงรอบข้าง ทำให้สามารถพูดได้ชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อคุณโทรออก ทั้งนี้ระบบตัดเสียงรบกวนจะช่วยเพิ่มประสบการณ์การโทรของคุณบน WF-1000XM4 ได้อย่างดีเยี่ยมและช่วยให้คุณจะได้ยินเสียงคู่สนทนาได้ชัดเจน

ดีไซน์ที่กระชับพอดีหูกว่าเดิม

นับตั้งแต่โซนี่ได้ทำการเปิดตัวหูฟังแบบอินเอียร์ตัวแรกของโลกในปี 1982 และได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับรูปทรงของหูจากทั่วโลก โดยหูฟัง WF-1000XM4 เป็นผลงานการวิจัยที่ผสมผสานรูปทรงที่เข้ากับช่องหู รวมถึงการออกแบบพื้นผิวตามหลักสรรีศาสตร์ เพื่อให้ความกระชับยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันนี้คุณสามารถค้นหาขนาดของหูฟังที่เหมาะสมกับหูของคุณได้ด้วยแอปพลิเคชั่น Sony Headphones Connect ที่จะช่วยให้คุณวัดขนาดของหูได้อย่างง่ายดาย เพื่อค้นหาขนาดของหูฟังที่เหมาะสมกับคุณที่สุด อีกทั้งยังช่วยในการแยกเสียงรบกวนเพื่อให้ได้คุณภาพเสียงสูงสุดและเสียงรบกวนภายนอกต่ำที่สุด ซึ่งจะช่วยให้คุณเพลิดเพลินไปกับคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม 

นอกจากนี้ WF-1000XM4 ยังเป็นหูฟังที่ได้รับการออกแบบมาให้มีน้ำหนักเบาและมีขนาดที่เล็กกว่ารุ่นก่อน 10% และตัวเคสสำหรับชาร์จถูกออกแบบให้มีขนาดเล็กลงถึง 40%  โดยไม่ลดทอนคุณภาพเสียงหรืออายุการใช้งานของแบตเตอรี่แต่อย่างใด

รับสัญญาณบลูทูธแม่นยำ เพื่อความบันเทิงที่ลื่นไหล

WF-1000XM4 รองรับการเชื่อมต่อไร้สายขั้นสูงได้เป็นอย่างดี โดยระบบจะซิงค์สิ่งที่คุณเห็นบนจอกับสิ่งที่คุณได้ยินบนหูฟังได้อย่างแม่นยำ ทั้งนี้เพื่อให้คุณสามารถรับชมความบันเทิงได้อย่างมีอรรถรส เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการรับชมรายการทีวี ภาพยนตร์ ฯลฯ รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพของอัลกอริธึมผสานการส่งผ่านหน่วยประมวลผล Integrated Processor V1™ ทำให้การเชื่อมต่อ Bluetooth® ชัดเจนและเสถียรมากยิ่งขึ้น แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีสัญญาณรบกวนก็ตาม  

แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่อง สะดวกด้วยระบบชาร์จแบบไร้สายอย่างแท้จริง

WF-1000XM4 ให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับการใช้งานอย่างต่อเนื่องถึง 8 ชั่วโมง สามารถชาร์จผ่านเคสได้อีก 16 ชั่วโมง ทำให้ใช้งานได้ยาวนานสูงสุดถึง 24 ชั่วโมง อีกทั้งยังมีระบบ Quick Charge ที่สามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 60 นาที เมื่อชาร์จไฟเพียง 5 นาทีเท่านั้น โดยแอปพลิเคชั่น Sony Headphones Connect จะแจ้งให้ทราบเมื่อเคสชาร์จของคุณลดลงต่ำกว่า 30% นอกจากนี้ยังรองรับ Wireless Charging หรือการชาร์จแบบไร้สายด้วยเทคโนโลยี Qi อีกทั้งยังสามารถใช้สมาร์ทโฟนที่มีเทคโนโลยี Qi เช่น Xperia รุ่นล่าสุดที่มีฟังก์ชั่นแชร์แบตเตอรี่เพื่อชาร์จหูฟังและเคสของคุณได้อีกด้วย

คุณสมบัติในการกันน้ำ

ด้วยเทคโนโลยีป้องกันน้ำตามมาตรฐาน IPX4 ที่มีอยู่ในหูฟัง WF-1000XM4 จะช่วยป้องกันการกระเซ็นจากเหงื่อให้คุณสามารถเล่นเพลงต่อไปได้ แม้ขณะอยู่บนรถประจำทางที่กำลังวิ่งอยู่ท่ามกลางสายฝน หรือนั่งอยู่ในสำนักงานก็ตาม

จับคู่อุปกรณ์รวดเร็ว พร้อมระบบ Voice Assistant

WF-1000XM4 สามารถเปิดใช้งานระบบสั่งงานด้วยเสียงได้อย่างง่ายได้ ด้วยการพูดว่า “Hey Google” หรือ “Alexa” คุณก็จะได้เพลิดเพลินไปกับความบันเทิง การเชื่อมต่อกับเพื่อน รับฟังข้อมูล ฟังเพลง การแจ้งเตือน รวมถึงการตั้งค่าช่วยเตือนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังรองรับ Fast Pair ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดจาก Google ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว ตัวหูฟังจะสามารถจับคู่บลูทูธกับอุปกรณ์ Android ของคุณได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย โดย Fast Pair ของ Google จะทำหน้าที่ช่วยให้คุณค้นหาหูฟังของคุณได้อย่างง่ายดายและยังแจ้งให้คุณทราบเมื่อคุณเปิดแบตเตอรี่ทิ้งไว้ว่ามีประจุเหลืออยู่เท่าใด ยิ่งไปกว่านั้น WF-1000XM4 ยังมาพร้อม Microsoft Swift Pair ที่จะช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Windows 10 ได้เป็นอย่างดี ในขณะเดียวกันยังสามารถตั้งค่าการควบคุมแบบสัมผัสที่รวดเร็วและง่ายดาย โดยคุณสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆผ่านการควบคุมแบบสัมผัส อาทิ ระบบการตัดเสียงรบกวนด้วยเทคโนโลยี Active Noise Cancellation, ระบบปิด-เปิดรับเสียงรอบข้างอย่าง Ambient Sound, โหมด Quick Attention, ข้ามเพลง, หยุดเพลงชั่วคราว หรือเล่นเพลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

สำหรับบรรจุภัณฑ์ของหูฟัง WF-1000XM4 ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษโดยไม่มีส่วนประกอบของพลาสติก มีความเป็นพิษต่ำ ด้วยความมุ่งมั่นใส่ใจในสิ่งแวดล้อม ภายใต้หลักการ “Made to be Remade” รวมถึงช่วยลดปริมาณขยะได้ถึง 99% ด้วยบรรจุภัณฑ์กระดาษที่ผลิตขึ้นจากวัสดุรีไซเคิลที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับโซนี่โดยเฉพาะ โดยสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์ของ  WF-1000XM4 ได้ที่นี่ https://www.sony.com/en/SonyInfo/News/Press/202106/21-039E/

SONY WF-1000XM4 พร้อมเปิดให้ผู้สนใจได้สั่งจองล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน ถึง 7 กรกฏาคม ศกนี้ ใน ราคา 8,990 บาท มีให้เลือกใช้งาน 2 สี คือ สีดำ และสีเงิน พร้อมรับโค้ดส่วนลดพิเศษ 1,000 บาท สำหรับซื้อสินค้าครั้งถัดไปใน Sony Store Online 

ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลโซนี่ โทร 02-715-6100 หรือเยี่ยมชม www.sony.co.th และทดลองประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ได้ที่โชว์รูมโซนี่ สโตร์ ทุกสาขา ร้านโซนี่ เซ็นเตอร์ และร้านค้าผู้แทนจำหน่ายที่เลือกสรร

Garmin FORERUNNER 55 ราคา 6,790 บาท สมาร์ทวอทช์สายวิ่ง ฟีเจอร์ครบ

เปิดตัว Garmin FORERUNNER 55 พร้อมจำหน่ายในไทย ราคา 6,790 บาท จีพีเอส สมาร์ทวอทช์ สำหรับนักวิ่ง ที่ใส่ฟีเจอร์มาให้ครบครัน

มาพร้อมกับดีไซน์ใช้งานง่าย เพียงกดปุ่ม ก็พร้อมเริ่มต้นเส้นทางไปพร้อมกับนักวิ่งทุกคน จัดมาให้ครบ กับฟีเจอร์ตอบรับการมีไลฟ์สไตล์สุขภาพที่ดี ทั้งฟีเจอร์เทรนนิ่งสำหรับนักวิ่งครอบคลุมตั้งแต่ก่อน ระหว่างและหลังการวิ่ง และฟีเจอร์ติดตามสุขภาพ และยังมี 3กิจกรรมพิเศษ เพื่อตอกย้ำจุดยืนในการสนับสนุนให้คนมีสุขภาพและ คุณภาพชีวิตที่ดี

  1. #FR55Challenge – ชาเลนจ์วิ่ง 5 กิโล ภายใน 5 วัน
  2. #5.5RouteChallenge – ชวนให้เหล่านักวิ่งออกมาสร้างผลงานสุดสร้างสรรค์จากการวิ่งผ่านแอป Garmin Sports
  3. FR55 Training Program พิเศษสุดๆ สำหรับลูกค้าที่ซื้อ FORERUNNER 55 เท่านั้น รับเทรนนิ่งโปรแกรม 55 วัน พร้อมการเทรนด์อย่างใกล้ชิดจากโค้ชผู้เชี่ยวชาญของการ์มิน เพื่อส่งเสริมให้แฟนการ์มินและผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายได้สนุกไปพร้อมกับการมีสุขภาพที่ดี

จากผลสำรวจของ The State of Running การศึกษาผลการแข่งขันของงานวิ่งที่ใหญ่ที่สุดพร้อมกว่า 70,000 รายการ เมื่อเร็วๆ นี้ พบว่าการแข่งขันวิ่งในระยะทาง 10 กิโลเมตรได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในโซนเอเชีย ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำว่าผู้คนยังนิยมออกกำลังกายด้วยการวิ่งและมีนักวิ่งหน้าใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

มร. สกาย เชน ผู้อำนวยการ การ์มิน ประเทศไทย

การ์มินตระหนักดีว่า มีนักวิ่งมากมายที่กำลังรอคอยนาฬิกาวิ่งที่ง่ายต่อการใช้งาน เราจึงมุ่งมั่นสนับสนุนการเติบโตของกลุ่มนักวิ่งด้วยการเปิดตัวสินค้าใหม่ FORERUNNER 55 โดยนำเสนอความพิเศษที่ตอบโจทย์ในเรื่องความเรียบง่ายแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยฟีเจอร์ที่เหล่านักวิ่งทุกระดับมองหา กับดีไซน์ที่ใช้งานง่าย พร้อมนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการวิ่งได้อย่างละเอียดรอบด้านตั้งแต่ก่อน ระหว่าง และหลังวิ่งมีฟีเจอร์คอยรองรับมากมาย ทั้งนักกีฬาวิ่งอาชีพที่ต้องการฝึกซ้อมอย่างมีประสิทธิภาพ นักวิ่งหน้าใหม่ที่ต้องการคำแนะนำในทุกย่างก้าว ไปจนถึงผู้ที่รักในการออกกำลังกายและดูแลตัวเองด้วยการวิ่ง สมาร์ทวอทช์ FORERUNNER 55 ก็สามารถช่วยให้ทุกคนบรรลุทุกจุดประสงค์ของการวิ่งได้อย่างครบครันในราคาที่เข้าถึงได้”

ฟีเจอร์สำคัญ ใน Garmin FORERUNNER 55 ช่วยขยับทุกเส้นชัยมาใกล้ปลายเท้าให้มากขึ้น

  • PacePro Lite – ช่วยวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงระดับความสูงเพื่อกำหนดกลยุทธ์การก้าวเท้าในการวิ่งแต่ละครั้ง ช่วยให้การวางแผนเพื่อไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
  • Daily Suggested Workout – แนะนำการเทรนด์ที่เหมาะสมในแต่ละวัน โดยอ้างอิงข้อมูลจากประวัติการฝึกระดับความแข็งแรงของร่างกาย และเวลาในการพักผ่อนของแต่ละบุคคล
  • Built-in Activity Profile – ไม่ใช่เพียงแค่การวิ่ง แต่ยังรองรับกิจกรรมที่หลากหลาย ทั้งในร่ม และกลางแจ้ง ตั้งแต่ ไตรกีฬา ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ และอื่นๆ อีกมากมาย ให้การออกกำลังกายในชีวิตประจำวันสนุกมากยิ่งขึ้น
  • LiveTrack – ช่วยให้ทุกกิจกรรมปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ด้วยการแชร์ตำแหน่งและเส้นทางให้กับครอบครัวและคนใกล้ชิดแบบเรียลไทม์ พร้อมแจ้งเตือนไปยังผู้ติดต่อฉุกเฉินเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
  • Garmin Coach – แผนการฝึกซ้อมที่ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับเป้าหมายของผู้ใช้แต่ละคน โดยมีโค้ชผู้เชี่ยวชาญจากการ์มินมาให้คำแนะนำโดยตรง
  • Finish Time Estimator – รู้เวลาที่จะใช้ในแต่ละระยะทางที่เลือกล่วงหน้า เพื่อประเมินกำลังของฝีเท้าและวางแผนการวิ่งได้อย่างถูกต้อง
  • Cadence Alerts – ฟีเจอร์ที่ช่วยคุมความเร็วรอบขาในระหว่างวิ่ง ด้วยการส่งสัญญาณแจ้งเตือนเมื่อวิ่งหลุดระยะรอบขาที่กำหนด ช่วยให้นักวิ่งรักษาความเร็วและมาตรฐานของการวิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • Built-in Recovery Time –ช่วยบอกเวลาที่ควรพักให้เพียงพอก่อนเริ่มการซ้อมครั้งต่อไป ให้ผู้ใช้สร้างสมดุลระหว่างการพักผ่อนและการฝึกซ้อมได้อย่างเหมาะสม
  • Wrist-Based Heart Rate – ติดตามอัตราเต้นหัวใจของผู้ใช้ระหว่างการวิ่งและการพักผ่อน และแจ้งเตือนเมื่อ หัวใจเต้นเร็วหรือช้าเกินไป ช่วยให้ประเมินการทำงานของหัวใจในทุกๆ ช่วงจังหวะของการทำกิจกรรม
  • Powerful Battery – แบตเตอรี่ทรงพลังใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 2 สัปดาห์ในโหมดสมาร์ทวอทช์ และสูงสุด 20 ชั่วโมงในโหมดจีพีเอส
  • All-Day Activity Tracking – ฟีเจอร์ติดตามกิจกรรมที่ส่งผลต่อร่างกายตลอดทั้งวัน ช่วยให้รู้ถึงแนวโน้มสุขภาพร่างกายในแต่ละช่วง

ติดตามสุขภาพตลอด 24 ชั่วโมง

ไม่ได้มีแค่ฟีเจอร์ของการวิ่งและการออกกำลังกายเท่านั้น FORERUNNER 55 ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยติดตามสุขภาพและสภาวะร่างกายแบบเรียลไทม์ตลอดทั้งวัน ด้วยข้อมูลทางสุขภาพที่หลากหลายและน่าเชื่อถือจากนวัตกรรมอันล้ำสมัยอย่าง Garmin Firstbeat Analytics™ สามารถช่วยให้นักวิ่งรับรู้ การเปลี่ยนแปลงของสภาพร่างกายตนเอง เพื่อฟื้นฟูและเตรียมร่างกายให้พร้อมอยู่เสมอ เช่น การตรวจจับระดับความเครียดและตั้งค่าแจ้งเตือนเพื่อผ่อนคลาย ด้วยการฝึกหายใจสั้นๆ และการติดตามระดับพลังงานด้วย Body Battery™ ช่วยให้นักวิ่งได้เวลาที่ดีที่สุดของการฝึกซ้อมและการพักผ่อน สร้างสมดุลการใช้ชีวิตและการออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นแล้ว ผู้หญิงยังสามารถติดตามรอบประจำเดือน การตั้งครรภ์ และบันทึกอาการที่บ่งชี้ให้เห็นถึงความผันผวนและแนวโน้มของร่างกาย FORERUNNER 55 ยังช่วยให้ผู้ใช้งานแสดงความเป็นตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่ด้วยการปรับแต่งหน้าปัดสมาร์ทวอทช์ในสไตล์ของตนเอง รวมถึงดาวน์โหลดวิดเจ็ตและแอปพลิเคชันต่างๆ ผ่าน Connect IQ™ Store ให้นักวิ่งได้สนุกไปกับการ์มินบนข้อมือ

เป็นเจ้าของ Garmin FORERUNNER 55 ได้แล้ววันนี้ ใน ราคา 6,790 บาท ผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของการ์มินทุกสาขา

สามารถติดตามข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ https://discover.garmin.com/th-TH/forerunner/forerunner-55/ และสำหรับผู้ที่สนใจกิจกรรมดีๆ จาก FORERUNNER 55 สามารถติดตามข่าวสารและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ Garmin Thailand อินสตาแกรม Garmin Thailand และ กลุ่มเฟซบุ๊ก Garmin Run Club Thailand

Razer Hammerhead True Wireless X โฉมใหม่ มีไฟ LED ราคา 2590 บาท

Razer Hammerhead True Wireless X หูฟัง TWS สำหรับสายเกม ด้วยความหน่วงน่ำแค่ 60ms ไดรเวอร์ 13 มม. มีเพิ่มไฟ LED สีเขียวเรืองแสง ราคา 2,590 บาท

Razer ประกาศเปิดตัวหูฟังประสิทธิภาพสูง Hammerhead True WirelessX โฉมใหม่ การออกแบบมาเพื่อความโดดเด่นกว่าใครด้วยระบบควบคุมแบบสัมผัส พร้อม LED สีเขียวเรืองแสงเพื่อสไตล์ที่ฉูดฉาดมากยิ่งขึ้น ปรับให้เหมาะสมสำหรับเกมเมอร์ด้วยโหมดการเล่นเกมที่มีเวลาแฝงต่ำ 60ms และให้เสียงที่เต็มอิ่มและดื่มด่ำผ่านไดรเวอร์ 13 มม. ที่ปรับแต่งเองได้ Hammerhead True Wireless X เป็นชุดเอียร์บัดอเนกประสงค์สำหรับการเล่นเกมและความบันเทิงด้านสื่อในขณะเดินทาง

หูฟัง True Wireless X ของ Hammerhead ใช้งานได้กับ Google Fast Pair สำหรับ Android และใช้ Bluetooth 5.2 สำหรับการจับคู่แบบอัตโนมัติ ให้การเชื่อมต่อที่รวดเร็ว สะดวก และเชื่อถือได้ เหมาะสำหรับใช้กับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต แล็ปท็อป และคอนโซล*

ระบบควบคุมแบบสัมผัส LED เรืองแสงที่ปรับแต่งได้บนเอียร์บัดแต่ละข้างช่วยให้เข้าถึงฟังก์ชันที่ใช้บ่อยที่สุดได้อย่างรวดเร็ว เช่น การจัดการการโทร การควบคุมระดับเสียง หรือการเปิดใช้งานโหมดการเล่นเกม แอป Razer Audio ใหม่ซึ่งเปิดตัวควบคู่ไปกับ Hammerhead True Wireless X ช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งภูมิทัศน์เสียง ปรับแต่งเอฟเฟกต์แสงและความสว่าง และรีแมปท่าทางสัมผัสตามต้องการ

ด้วยการใช้งานสูงสุด 24 ชั่วโมงพร้อมการเปิดไฟ LED (สามารถใช้งานได้สูงสุด 28 ชั่วโมงเมื่อปิดไฟ LED) Hammerhead True Wireless X มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่สำหรับการเล่นเกมและความบันเทิงตลอดทั้งวัน ทำให้เป็นเอียร์บัดที่สมบูรณ์แบบสำหรับเกมเมอร์บนมือถือที่ต้องการความน่าเชื่อถือจากหูฟังไร้สายสักตัวพร้อมประสบการณ์แฝงต่ำพร้อมเสียงใส

หูฟังไร้สายให้เสียงที่เข้มข้น ดื่มด่ำและมีความแฝงต่ำ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเล่นเกม เอียร์บัดคู่ที่มีสไตล์และมีไฟส่องสว่างที่ทำให้ผู้ใช้โดดเด่นกว่าคนอื่นๆ พร้อมจัดจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป ราคา 2590 บาท ในช่องทางออนไลน์ที่ Razer.com, ในร้านค้าสาขาต่างๆ ของ RazerStore และร้านค้าปลีกบางแห่ง

ฟีเจอร์ + สเปค Razer Hammerhead True Wireless X

  • 60ms low latency Gaming Mode
  • Mobile app customization
  • Custom-tuned 13mm drivers
  • Bluetooth 5.2 with Auto-Pairing
  • Google Fast Pair
  • Touch-enabled controls
  • Headphone frequency response20 Hz – 20 kHz
  • Headphone impedance32 Ω
  • Headphone sensitivity91 db @ 1 mW / 1 kHz
  • Headphone input power8 mW (max input)
  • Headphone drivers13 mm
  • Headphone ConnectorBluetooth 5.2
  • Battery LifeUp to 24 Hours (6 + 18) with Lighting On
  • Up to 28 Hours (7+21) with Lighting Off
  • Cable LengthN/A
  • WeightCharging Case: 0.09 lbs / 42 g
  • Earbuds: 0.02 lbs / 10 g each
  • Microphone pick up patternOmnidirectional
  • Microphone signal-to-noise ratio64 dB
  • Microphone sensitivity-26 dBFS
  • CompatibilityDevices with Bluetooth audio capability
  • Smartphone app available for Android and iOS
  • Supported Codecs: SBC, AAC

Bang & Olufsen Beolit 20 ลำโพงพกพาสะดวก เสียงทรงพลัง

Bang & Olufsen Beolit 20 ลำโพงไร้สายรุ่นใหม่รูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงาม ขนาดเล็กพกพาง่าย พลังเสียงเต็มเปี่ยม เปิดตัวด้วย ราคา 23,900 บาท

ปลายปี 2020 B&O ได้เปิดตัวลำโพงบลูทูธที่ต่อยอดขึ้น เพื่อให้เสียงทรงพลัง พกพาได้สะดวกของรุ่น Beolit เพื่อสืบทอดตำนานตั้งแต่ปี 1939 โดยลำโพง Beolit 20 ยังคงเปี่ยมด้วยจุดเด่นด้านเสียงที่ทรงพลัง ที่อยู่ภายใต้งานรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงามและเคลื่อนย้ายได้ง่าย แต่เพิ่มพลังแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น รองรับการชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi ที่ด้านบนลำโพงที่มีการปรับรูปแบบของลำโพงให้น้อยที่สุด

“เพราะลูกค้าใช้สินค้าตลอดทั้งวันไม่ว่าจะวางไว้ภายในบ้านหรือพกไปข้างนอก เราจึงเน้นที่การปรับปรุงสมรรถนะของแบตเตอรี่ ให้ใช้ได้นานขึ้น 30% เมื่อเปิดด้วยเสียงดังเป็นปกติ ซึ่งด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เราสามารถเพิ่มระบบชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi ที่อยู่ด้านบนของ Beolit 20 เพื่อให้คุณชาร์จอุปกรณ์ที่รองรับการชาร์จไร้สาย เช่นโทรศัพท์มือถือ ได้ทันทีที่โทรศัพท์กำลังจะแบตหมดขณะอยู่ในปาร์ตี้หรือข้างนอก”

Christoffer Poulsen รองประธานฝ่ายจัดการผลิตภัณฑ์ของ Bang & Olufsen

ลำโพง Beolit 20 ยังคงดีไซน์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของลำโพงซีรีส์ Beolit ซึ่งได้ร่วมมือกับนักออกแบบ Cecilie Manz (2012) ไว้ ในขณะเดียวกันก็มีการปรับดีไซน์เล็กน้อย เพื่อเพิ่มเติมสุนทรียภาพในการใช้งานประจำวัน ลวดลายของรูลำโพงมีการปรับให้ดูทันสมัยขึ้น โดยที่การเรียงตัวของรูนั้นเรียงแนวเฉียงอย่างเป็นระเบียบ ให้ความสวยงามในทุกมุมมอง

ในขณะเดียวกันก็มีความโปร่ง ทำให้ลมผ่านได้ถึง 45% จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดของดนตรี ที่ถูกขับผ่านออกมาจากลำโพง โดยความลึก และความโค้งมนของด้านบนลำโพง ปรับมาสำหรับชาร์จสมาร์ทโฟน และอุปกรณ์อื่นๆที่รองรับการชาร์จแบบไร้สาย นอกจากนี้ ยังเพิ่มความทนทานให้ปุ่มกดต่างๆ รวมถึงสายหนังสีแทนธรรมชาติ ที่ทำให้รูปลักษณ์ภายนอกดูสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

Bang & Olufsen Beolit 20 พลังเสียงอัดแน่นในตัวเครื่องขนาดเล็ก

ลำโพง Beolit 20 มีขนาดเล็กพอกับการพกพาไปทุกที่ แต่พลังเสียงที่ให้ ก็มาแบบเต็มพิกัด วูฟเฟอร์แบบ Wideband ขนาด 5.5 นิ้ว มาพร้อมกับลำโพง Full Range ขนาด 1.5 นิ้ว 3 ตัว และเบสแบบ Passive Radiator ขนาด 4 นิ้ว อีก 2 ตัว เพื่อขับพลังเสียงเบสทรงพลัง 77dB และเสียงดังระดับกลางได้ถึง 93dB สมรรถนะในระดับนี้และระบบเสียงรอบทิศทาง True360 ทำให้ลำโพง Beolit 20 เหมาะที่จะใช้กับทุกห้องเพื่อรองรับพลังเสียงในแบบฉบับของ B&O  คุณยังสามารถจับคู่ลำโพง Beolit 20 สองตัวหรือจับคู่ลำโพงตัวใหม่เข้ากับลำโพง Beolit 17 รุ่นเดิมเพื่อประสบการณ์การฟังเพลงแบบสเตอริโอที่น่าอภิรมย์ยิ่งขึ้น

ราคาและสถานที่จัดจำหน่าย

B&O Beolit 20 ราคา 23,900 บาท มีจำหน่าย 2 สี Grey Mist และ Black Anthracite 

วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ณ ร้าน Bang & Olufsen เกสรวิลเลจ, Crystal Veranda, BeTrend Siam Paragon และ ร้านค้าปลีกที่ได้รับอนุญาต Dotlife, Studio7, Studio by Copperwired, iStudio by SPVI, iBeat by Copperwired, มั่นคงแก็ดเจ็ท, Beyond d Box, Power Buy, Power Mall, Banana IT, Discovery Retail/ Digital Lab, AV Value และร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการ Mercular.com, 425 Degree, His.in.th, Central Online, JD.co.th, Lazada, Shopee และ Gadgetthai.net และร้านค้าปลีกอื่นๆ

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดตามเราผ่านทาง @bangolufsen บน Instagram, Facebook, Twitter และ YouTube โดยใช้แฮชแท็ก #Beolit20

Samsung Galaxy Tab S7/S7+ สีใหม่ Mystic Navy มาพร้อม Android 11 และ 5G

Samsung Galaxy Tab S7 และ Galaxy S7+ สีใหม่ Mystic Navy และมาพร้อม Android 11 เวอร์ชั่นล่าสุด ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลายกับฟังก์ชั่นล่าสุด

ไม่ว่าจะเป็น การใช้งาน 2 จอพร้อมกันด้วย picture-in-picture หรือ wireless keyboard sharing สะดวกในการสลับการใช้งานระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น  ที่สำคัญกับการรองรับ 5G Full-Band ให้คุณสัมผัสประสบการณ์เร็ว แรง ไม่มีสะดุด

รวมถึงการทำงานร่วมกับปากกา S Pen เพื่อสร้างสรรค์งานด้วยปากกา หรือจดบันทึกเขียนวาดได้อย่างไร้รอยต่อ และประสบการณ์เล่นเกมก็เต็มที่ด้วยประสิทธิภาพเครื่องที่แรงเหลือเฟือ กับระบบเสียงกระหึ่มให้อรรถรสความบันเทิงได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์

ราคา Galaxy Tab S7 และ Galaxy Tab S7+

  • Galaxy Tab S7 (LTE) รุ่นความจุ 256GB ราคา 30,900 บาท
  • Galaxy Tab S7+ (5G) รุ่นความจุ 128GB ราคา 33,900 บาท
  • Galaxy Tab S7+ (5G) รุ่นความจุ 256GB  ราคา 39,900 บาท

พร้อมเป็นเจ้าของได้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 19 ก.พ. 64 เป็นต้นไป เฉพาะที่ store.samsung.com เท่านั้น

Casio G-SHOCK GA-900 ดีไซน์หน้าปัดใหม่ ใส่ลูกเล่นเปลี่ยนสายเองได้ด้วย

เปิดตัวแล้วในไทย CASIO G-SHOCK รุ่นใหม่ ในตระกูล GA-900 Series ครั้งแรกกับหน้าปัดดีไซน์ใหม่ เป็นหน้าจอแบบดิจิตอล-อนาล็อกที่ดูเวลาง่ายขึ้น เพิ่มลูกเล่นสายนาฬิกาแบบใหม่ ถอดเปลี่ยนเองได้ง่าย ให้คุณเลือก Mix & Match ได้ในแบบของคุณ กับสายเรซินแบบเท่ๆ หรือสายผ้าสีสุดจี๊ด ได้อย่างที่ต้องการ

CASIO G-SHOCK GA-900 Series ราคา เริ่มต้นที่ 5,500 บาท

ดีไซน์ยังคงเอกลักษณ์ของสายลุย และผู้ที่ชื่นชอบการใช้งานสมบุกสมบัน ด้วยอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานถึง 7 ปี กันน้ำได้ 200 เมตร และแน่นอนว่า ดีไซน์ที่เข้ากับสตรีทแฟชั่นที่สวมใส่ได้ในชีวิตประจำวัน

GA-900 ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบ Industrial Design ตัวหน้าปัดถูกยึดไว้ด้วยสกรู 4 ตัวที่ทำให้ได้รูปลักษณ์ที่เท่และแข็งแกร่ง การบอกเวลาผสมผสานระบบเข็มแบบอนาล็อก กับระบบหน้าจอดิจิตอล ที่ดูสวยลงตัว และอ่านเวลาได้ง่าย

ข้อต่อสายและปุ่ม ถูกออกแบบบเป็นลวดลายตารางหมากรุก ช่วยกันไม่ให้นาฬิกาลื่นหลุด รวมถึงตัวสายนาฬิกาที่มีหลากหลายวัสดุให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นสายเรซินหรือสายผ้า และพิเศษกับรุ่น GA-900E ที่มาพร้อมสาย 2 แบบที่สามารถเปลี่ยนสายได้ด้วยตัวเองง่ายๆ ที่มีให้มาพร้อมกันทั้งสายเรซินสีดำ และสายผ้าสีเหลืองสะท้อนแสง

G-SHOCK GA-900 Series มีให้สะสมถึง 6 เฉดสี มาพร้อมกล่อง Box Set สุด Exclusive ที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับ Series นี้เท่านั้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ความต้องการของเหล่าเกมส์เมอร์ ทั้งสายแฟสีเจ็บไปจนถึงสายมินิมอลคุมโทน

  • GA-900A-1A9DR สี Yellow Wrap ราคา 5,500 บาท
  • GA-900C-1A4DR สี Orange Noob ราคา 5,500 บาท
  • GA-900E-1A3DR สี Black Cool down ราคา 6,500 บาท
  • GA-900-4ADR สี Red Party ราคา 5,500 บาท
  • GA-900-2ADR สี Blue HP ราคา 5,500 บาท
  • GA-900-1ADR สี Black-White ราคา 5,500 บาท

G-SHOCK GA-900 พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของแล้ววันนี้ ที่ร้านCASIO G-SHOCK หรืออัพเดตข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.casio-cmg.com และ Facebook/Casio Watches Thailand รวมถึง Line@ : @CasioWatchCMG

และในการเปิดตัวในประเทศไทย ยังเพิ่มความพิเศษ เมื่อ G-SHOCK ดึง ‘แจ๊ส ผดุง ทรงแสง’ หรือที่รู้จักในนาม ‘JAZZ SPKK’ นักแสดง นักดนตรีมากความสามารถ นำเสนอความเท่ของนาฬิกาคอลเลคชั่นใหม่นี้ ผ่านบทบาทที่เจ้าตัวกำลังอินสุดๆคือ ‘เกมเมอร์’ นั่นเอง

แจ๊ซพูดถึงคาแรคเตอร์เกมเมอร์ในแบบฉบับของตัวเองว่า นอกจากฝีมือการเล่นเกมส์ที่เก่งกาจ อารมณ์ขันและการยิงมุกที่ฉับไวตลอดการสตรีมมิ่งแล้ว สไตล์แฟชั่นที่ชัดเจนก็เป็นอีกสิ่งนึงที่สร้างความแตกต่างได้ดี ซึ่ง G-SHOCK ก็เป็นแบรนด์นาฬิกาในดวงใจของเหล่าเกมเมอร์อยู่แล้ว ยิ่งมีการออกแบบหน้าปัดใหม่ นำสกรูมาตกแต่งมันดูเฟี้ยวมาก ส่วนตัวชอบสายนาฬิกาที่เปลี่ยนได้ เวลาใส่เล่นเกมส์เราก็เลือกสายที่มีสีสันจัดจ้านดูโดดเด่น แต่พอเราออกไปคุยงานก็เลือกสายเรซินสีเข้มคุมโทนดูกลมกลืนไม่แย่งซีน เรือนเดียวแต่ใส่ได้หลายโอกาสเรียกว่าคุ้มครับ สายเกมส์ต้องมีไว้ครอบครอง!

HUAWEI WATCH GT 2 Pro สุดพรีเมี่ยม กระจกแซฟไฟร์ ตัวเรือนไทเทเนียม

HUAWEI WATCH GT 2 Pro พรีเมียมทั้งดีไซน์และวัสดุ แทร็กการออกกำลังกายได้กว่า 100 โหมด พบกันในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ 5 พฤศจิกายน นี้

หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) เตรียมสร้างปรากฎการณ์ความฟิตระดับไฮ-คลาสกับสมาร์ทวอชท์เรือธง HUAWEI WATCH GT 2 Pro นาฬิกาอัจฉริยะรุ่นโปรที่พรีเมียมทั้งดีไซน์ วัสดุที่เลือกใช้ ทั้งยังรองรับและสามารถติดตามผลออกกำลังกายได้มากกว่า 100 โหมด กำลังจะมาให้ผู้ใช้ชาวไทยได้ยลโฉมกันแล้วในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2563 และพร้อมวางจำหน่ายในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2563

แอบแง้มให้ฟังว่ารุ่นโปรทั้งที HUAWEI WATCH GT2 Pro เลยจัดเต็มตั้งแต่คอนเซ็ปต์ที่ตั้งใจออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้ได้ออกไปสำรวจโลกรอบตัว พร้อมกับสำรวจศักยภาพและขีดจำกัดความฟิตของตนเอง โดยมี HUAWEI WATCH GT2 Pro เป็นเพื่อนร่วมทางที่จะคอยติดตามทุกการเคลื่อนไหวพร้อมซัพพอร์ตทุกกิจกรรมระหว่างทาง ขณะเดียวกันก็สามารถเป็นแฟชั่นไอเท็มที่จะบ่งบอกความเป็นตัวตนของผู้ใช้ได้ดี

นอกจากตัวเรือนจะใช้วัสดุหรูอย่างไทเทเนียมที่แข็งแรงทนทาน น้ำหนักเบา หน้าปัดยังทำจากแซฟไฟร์ซึ่งทนทานต่อรอยขีดข่วน รองรับการคุยโทรศัพท์ผ่านนาฬิกา จัดเต็มโหมดออกกำลังกายมากถึง 100 โหมด ซึ่งครอบคลุมไปจนถึงกีฬาเฉพาะทางอย่างกอล์ฟ วิ่งเทรล ปีนเขา พร้อมความพิเศษสุดกับฟีเจอร์ที่สามารถแจ้งเตือนผู้ใช้หากกำลังเดินเข้าไปในบริเวณที่สัญญาณ GPS อ่อนหรือจุดอับสัญญาณ อีกทั้งยังตรวจสอบได้ว่ากำลังเดินกลับทางเดิมหรือไม่แบบเรียลไทม์ มั่นใจได้ว่าไม่มีหลง ที่สำคัญใช้งานต่อเนื่องได้ยาวๆ ถึง 2 สัปดาห์ หมดกังวลปัญหาแบตเตอรี่หมดกลางทาง

แต่ที่ร่ายมาทั้งหมดนี้ยังแค่ “แง้ม” เท่านั้น แล้วเตรียมพบกับฟีเจอร์และเทคโนโลยีสุดล้ำอื่นๆ อีกมากมายที่หัวเว่ยจัดมาให้ในสมาร์ทวอทช์ระดับเรือธงวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ หรือติดตามข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงโปรโมชันเปิดตัว ได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจอย่างเป็นทางการของหัวเว่ย Huawei Mobile TH

LifeProof WĀKE, NËXT และ FRĒ เคสมือถือ iPhone 12 รักษ์โลก ใช้วัสดุจากขยะพลาสติกในทะเล

LifeProof เปิดตัวเคสรุ่นใหม่ WĀKE, NËXT และ FRĒ สำหรับ Apple iPhone 12 mini, iPhone 12, iPhone 12 Pro และiPhone 12 Pro Max ซึ่งเป็นเคสที่มีรูปแบบทันสมัย ป้องกันการกระแทก และมีส่วนช่วยเหลือสิ่งแวดล้อม แก้ไขปัญหาขยะพลาสติกในท้องทะเล

LifeProof WĀKE ถูกสร้างขึ้นด้วยแนวคิดที่จะช่วยแก้ไขปัญหาพลาสติกในมหาสมุทรที่เพิ่มมากขึ้น จึงได้นำกล่องพลาสติกจากมหาสมุทร มารีไซเคิลถึง 85 เปอร์เซ็นต์ ช่วยป้องกันการกระแทกได้มากถึง 6.6 ฟุต มีให้เลือก 3 สี พร้อมลายแพทเทิร์นรูปคลื่นในตัวเคส ราคา 1,090 บาท,

LifeProof NËXT ได้ออกแบบให้บางเฉียบ Utlra-Slim ด้านหลังใสเพื่อโชว์ไอโฟนใหม่ของคุณ เพิ่มสีสันที่ขอบด้านข้างซึ่งทำจากวัสดุรีไซเคิลกว่า 50% ราคา 1,990 บาท

LifeProof FRĒ ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลกว่า 60% ครอบมือถือเพื่อการป้องกันแบบ 360 องศา มีคุณสมบัติพิเศษกันน้ำ เหมาะสำหรับทุกสภาพ แวดล้อมไม่ว่าจะทำงานหรือพักผ่อน ราคา 2,690 บาท

และเพื่อให้สอดคล้องกับพันธกิจขององค์กรในเรื่องการตอบแทนสังคม LifeProof จึงขอเชิญชวนให้ลูกค้ามาร่วมสร้างความแตกต่าง ด้วยการบริจาคเงินส่วนหนึ่งของรายได้จากเคสทุกชิ้นที่ขายออกไป ให้กับองค์กรการกุศล Water.org, Coral Reef Alliance และ American Rivers and Oceana เพื่อนำไปสนับสนุนการรักษาแหล่งน้ำทั่วโลกให้มีคุณภาพที่ดีขึ้นในอนาคต ซึ่งลูกค้าสามารถลงทะเบียนผลิตภัณฑ์ และเลือกองค์การการกุศลที่ต้องการบริจาคได้ที่ www.lifeproof.asia/makingwaves

โดย LifeProof รุ่นWĀKE, NËXT พร้อมจำหน่ายแล้ววันนี้ ส่วนรุ่น FRĒ กำลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ พิเศษสำหรับ เคส รุ่นWĀKE ยังมีจำหน่ายสำหรับ Apple iPad (รุ่นที่ 7 / รุ่นที่ 8) ด้วย ผู้สนใจสามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.lifeproof.asia/ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป