คลังเก็บหมวดหมู่: PR News

The 1 เปลี่ยนโฉมหน้า Experience Economy ในไทย จับมือเทคพาร์ทเนอร์ระดับโลก พัฒนา Platform สู่ New The1

The 1 ตอกย้ำสถานะผู้นำ Digital Lifestyle & Loyalty Platform อันดับหนึ่งในประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล พัฒนาพร้อมเปิดตัว New The1 โฉมใหม่ มุ่งมั่นมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด ทั้งรู้ใจ ใช้งานง่าย และสนุก ให้สมาชิกกว่า 17 ล้านคน ทุกที่ทุกเวลา ผ่านการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอจากเสียงตอบรับของสมาชิกทุกคน

ดร. ธรรม์ จิราธิวัฒน์, President – The 1 กล่าวถึงวิสัยทัศน์และความแข็งแกร่งของ The 1 ที่ผลักดันองค์กรจนมาถึงความสำเร็จในวันนี้ “The 1 ในฐานะผู้นำ Digital Lifestyle & Loyalty Platform อันดับหนึ่งในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล ที่มุ่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ จากความเข้าใจสมาชิกกว่า 17 ล้านคน กว่า 14 ปีที่ผ่านมา The 1 ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมาวันนี้ เราพร้อมเปิดตัว New The1 – Digital Lifestyle Platform ที่จะมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดและโดนใจสมาชิกมากที่สุด ซึ่งการพัฒนาในครั้งนี้จะทำให้ The 1 เปลี่ยนโฉมหน้าของ Experience Economy ใหม่ให้กับ ประเทศไทย ซึ่งเรามั่นใจว่าความพร้อมและศักยภาพของ The 1 จะทำให้ New The 1 ประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน”

3 ความแข็งแกร่งที่ผลักดันให้ The 1 ประสบความสำเร็จ

  • Data & Analytics ความโดดเด่นจากข้อมูลสมาชิกกว่า 17 ล้านคน และการวิเคราะห์ข้อมูลสมาชิก
    จนสามารถเข้าใจและรู้ใจของสมาชิกแบบรอบด้าน 360 องศา ทำให้ The 1 สามารถมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับสมาชิกแต่ละคนได้อย่างแม่นยำ
  • The 1 Ecosystem ที่เชื่อมโยง The 1 และทุกหน่วยธุรกิจในกลุ่มเซ็นทรัล รวมถึงหลากหลายพันธมิตรทางธุรกิจนอกกลุ่มฯ จาก 8 ประเภทธุรกิจ กว่า 2,000 แบรนด์ ทำให้สามารถมอบประสบการณ์ต่าง ๆ ได้ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ของสมาชิก
  • Synergized Collaboration การร่วมมือระหว่าง The 1 กับทั้ง Business Partner และ Technology Partner ชั้นนำในหลากหลายความเชี่ยวชาญ ทั้งในระดับโลกและในประเทศไทย ร่วมพัฒนา Platform ให้แข็งแกร่ง ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด แบบ Cross-functional ไม่ว่าจะเป็นการวางโครงสร้างให้ทั้งแพลตฟอร์มเชื่อมต่อกันอย่างไร้รอยต่อ การพัฒนา UX/UI การพัฒนา MarTech ฯลฯ เพื่อเป้าหมายเดียวกันที่จะสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้สมาชิก The 1 ได้อย่าง
    ไม่เหมือนใคร

ฟีเจอร์ใหม่ New The1

พบประสบการณ์แบบ Surprisingly Relevant 

  • My The 1: หน้าแรกที่รวบรวมสิทธิพิเศษดี ๆ และข่าวสารซึ่งคัดสรรมาเพื่อสมาชิก The 1 แต่ละคนโดยเฉพาะ ไม่พลาดทุกเรื่องสำคัญของการเป็นสมาชิก The 1
  • Explore: ฟีเจอร์ที่รวบรวมรายการสิทธิพิเศษทั้งหมด ทั้งจากในกลุ่มเซ็นทรัลและพันธมิตรต่าง ๆ สามารถค้นหาสิทธิพิเศษได้ง่าย ๆ เป็นหมวดหมู่ตามความสนใจและไลฟ์สไตล์ เช่น Eat Around, Grocery, Fashion, Beauty, Sports, Home & Electronics, Banking & Investment ฯลฯ รวมถึง Feature พิเศษ อาทิ ‘Just For You’ ที่คอยนำเสนอสิทธิพิเศษตามความสนใจที่พร้อมจะเซอร์ไพรส์คุณ
  • My Rewards: ฟีเจอร์จัดเก็บสิทธิพิเศษและคูปองไว้ในที่เดียว เปรียบเหมือนกระเป๋าเก็บสิทธิพิเศษส่วนตัวที่สามารถเลือกใช้ได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่จำเป็นต้องพกและค้นหาคูปองกระดาษ หมดกังวลเรื่องคูปองหมดอายุด้วย Notification แจ้งเตือน
  • The 1 Exclusive: โปรแกรมสิทธิประโยชน์สำหรับลูกค้าคนพิเศษของกลุ่มเซ็นทรัล ที่ The 1 ตั้งใจออกแบบฟังก์ชั่นพิเศษ และรวบรวมสิทธิประโยชน์ที่ดีที่สุดมาอยู่ที่แอป The 1 ไม่ต้องพกบัตรสมาชิก

พบประสบการณ์แบบ Surprisingly Fun & Rewarding

  • The 1 Mission: ฟีเจอร์ที่ทำให้การช้อปปิ้งมีเป้าหมายและสนุกกว่าเดิม โดยสมาชิกสามารถทำภารกิจ The 1 Mission ทั้งสะสมและแลกรับรางวัลต่าง ๆ ได้ทันทีในแอป โดยไม่ต้องนำใบเสร็จไปสะสม เพื่อรับรางวัล ปัจจุบันภายในแอปมีมิชชั่นหลากหลายให้สมาชิกสามารถเลือกเล่นได้ และตรวจสอบสถานะของมิชชั่น (Tracking) ด้วยตัวเอง ในแบบ Real-time รวมทั้งยังมี Notification ส่งให้สมาชิกทราบ ความเคลื่อนไหวและสร้างแรงกระตุ้น ซึ่งถือเป็นการมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สนุกยิ่งขึ้น และช่วยสร้าง Customer Engagement ระยะยาว

พบประสบการณ์แบบ Surprisingly Convenient

  • History: ฟีเจอร์ที่สมาชิกสามารถจัดการเกี่ยวกับบัญชี The 1 ได้ด้วยตนเองอย่างง่ายดาย ทั้งฟังก์ชั่นที่รวมประวัติการสะสมและแลกคะแนน (Point History) ประวัติการใช้จ่าย (Spending History) ที่แยกให้ดูง่ายตาม Category และสามารถดูย้อนหลังได้ถึง 12 เดือน รวมถึงประวัติการแลกรางวัลและคูปอง (Redemption History)
  • Point Transfer: สมาชิกสามารถโอนคะแนนให้กับสมาชิกคนอื่นได้ง่าย ๆ เพียงกดเบอร์มือถือ หมายเลขสมาชิก หรือแค่สแกน QR Code ภายในแอป และยังสามารถโอนคะแนน The 1 เพื่อเปลี่ยนไปเป็นคะแนนของพันธมิตรใน The 1 Ecosystem
  • The 1 Cash Coupon สมาชิกสามารถใช้คะแนน The 1 แทนเงินสด เพื่อใช้ซื้อสินค้าและบริการใน
    กลุ่มเซ็นทรัลได้ทันที โดยแลกเป็นคูปอง (The 1 Cash Coupon) ได้ง่าย ๆ เพียงใส่จํานวนเงินที่ต้องการแลก ระบบก็จะคำนวณคะแนน The 1 ให้อัตโนมัติ

นอกจากนี้ ยังมีบริการต่าง ๆ ที่เพิ่มประสบการณ์การใช้งานของสมาชิกให้เต็มที่ อาทิ In-App Payment & E-Wallet โดยเชื่อมต่อกับแอป Dolfin, Digital Health & Wellness Solution บริการใหม่ล่าสุดครั้งแรกในประเทศไทยร่วมกับ Prudential รวมทั้งพันธมิตรต่าง ๆ และฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่จะเปิดตัวอีกมากมายในอนาคต

ดาวน์โหลดแอป The 1 โฉมใหม่ แอปที่สมาชิก The 1 ทุกคนต้องมี และสัมผัสประสบการณ์จาก New The 1 Platform ด้วยตัวคุณเองได้ที่ New The 1

AIS เผยไตรมาส 2/63 รายได้ลดลงจากผลกระทบโควิด ทุ่มงบ 3.5 หมื่นล้านบ. ลงทุน 5G ต่อเนื่อง ร่วมฟื้นฟูประเทศ

AIS เผยไตรมาส 2/63 รายได้ลดลงจากผลกระทบโควิด ด้วยการบริหารต้นทุนที่ดี ทำให้มีกำไรเติบโตได้ ทุ่มงบ 3.5 หมื่นล้านบ. ลงทุน 5G ต่อเนื่อง ร่วมฟื้นฟูประเทศ

เอไอเอส รายงานผลประกอบการ ไตรมาส 2/2563 กำไรสุทธิ* อยู่ที่ 7,235 ล้านบาท ลดลง 6.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่เติบโตขึ้น 3.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลจากการควบคุมต้นทุนได้ดี โดยมีรายได้รวม ลดลง 4.1% อยู่ที่ 42,256 ล้านบาท จากสถานการณ์ COVID-19 ที่ยังคงมีผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 1 ซึ่งกระทบต่อการใช้จ่ายผู้บริโภคในด้านการใช้มือถือ ในขณะที่ ธุรกิจเน็ตบ้าน เอไอเอส ไฟเบอร์ มีความต้องการจากการล๊อกดาวน์ที่ต้องทำงานจากบ้าน ทำให้ลูกค้าเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 112,200 ราย ทั้งนี้ เอไอเอส ยังคงนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 70% ของกำไรสุทธิ และประกาศจ่ายเงินปันผล 3.24 บาทต่อหุ้น ในวันที่ 3 กันยายน 2563 นี้ และยังคงงบลงทุนเครือข่าย ทั้ง 4G, 5G ประมาณ 35,000 ล้านบาท มุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลร่วมฟื้นฟูประเทศในทุกระดับอย่างเต็มที่
*ไม่ร่วมผลของมาตรฐานบัญชีไทย 16*

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “ในภาพรวมของผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2563 ถือเป็นช่วงเวลาที่ประเทศไทยอยู่ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ต่อเนื่องจากไตรมาสแรก โดยมาตรการล็อกดาวน์ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาวะเศรษฐกิจ ธุรกิจโทรคมนาคมได้รับผลกระทบจากการลดลงของนักท่องเที่ยวและการปิดบริการชั่วคราว AIS Shop, Serenade Club และ AIS Telewiz ในพื้นที่ตามประกาศของภาครัฐ รวมถึง การสนับสนุนมาตรการของกสทช.เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายผู้ใช้บริการ ทั้งการมอบดาต้าและค่าโทรฟรีในช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม เป็นอีกสาเหตุที่ส่งผลต่อรายได้ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ แต่ในส่วนธุรกิจเน็ตบ้านได้รับผลเชิงบวกจากการที่ลูกค้าต้องทำงานหรือเรียนหนังสือจากบ้าน ทำให้มีความต้องการติดเน็ตบ้านสูงขึ้นมาก ด้วยผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 บริษัทมุ่งเน้นที่จะบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายเพื่อคงความแข็งแรงของกระแสเงินสดให้สามารถลงทุนในธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุน 5G เพื่อการเติบโตในระยะยาว”

ในไตรมาส 2 เอไอเอสมีรายได้รวม 42,256 ล้านบาท ลดลง 1.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และลดลง 4.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สำหรับธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ เอไอเอสยังคงมีจำนวนลูกค้าโทรศัพท์มือถือสูงที่สุดในตลาดที่ 41 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็นลูกค้าระบบรายเดือน จำนวน 9.5 ล้านราย ซึ่งเพิ่มขึ้นจำนวน 395,600 ราย ในไตรมาสนี้ และมีลูกค้าระบบเติมเงินอยู่ที่ 31.4 ล้านราย ซึ่งลดลงจำนวน 531,900  ราย โดยมีสาเหตุหลักจากยอดขาย Sim2Fly ที่ได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดของการเดินทางระหว่างประเทศ ในขณะที่รายได้ต่อเลขหมายเฉลี่ยเท่ากับ 239 บาท/เลขหมาย/เดือน จากสภาพการแข่งขันในตลาดที่ยังคงสูงจากแพ็กเกจประเภท Fixed Speed Unlimited ซึ่งยังมีให้บริการในทุกโอเปอร์เรเตอร์

ขณะที่ COVID-19 ทำให้รูปแบบการใช้ชีวิตของคนเปลี่ยนไป ทั้งการทำงานที่บ้าน (Work from Home) และเรียนที่บ้าน (Learn from Home) ส่งผลให้การใช้งานดาต้าเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 15% เทียบกับปีก่อนหน้า อยู่ที่เฉลี่ย 17 กิกะไบต์ต่อเดือน และสัดส่วนลูกค้าที่ใช้ 4G ยังเติบโตสูงขึ้นต่อเนื่อง 75% ส่วนธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน เอไอเอส ไฟเบอร์ ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีลูกค้าใหม่เพิ่มสูงที่สุดนับตั้งแต่เปิดให้บริการ จากความต้องการติดเน็ตบ้านในช่วงโควิด ส่งผลให้มีลูกค้ารวม 1.2 ล้านราย และมีรายได้จากธุรกิจเน็ตบ้าน 1,683 ล้านบาท เติบโต 22% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนธุรกิจลูกค้าองค์กรก็ยังคงเติบโตจากความต้องการใช้บริการโซลูชั่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Data Center, Cloud และ ICT solution เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

แม้ว่าธุรกิจจะได้รับผลกระทบในเชิงรายได้ บริษัทมุ่งเน้นการบริหารต้นทุนและการควบคุมค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะกิจกรรมทางการตลาดที่น้อยลงในช่วงสถานการณ์โควิด ส่งผลให้เอไอเอสมีกำไรสุทธิ 7,235 ล้านบาท* ลดลง 6.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่เติบโต 3.3% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า รวมถึงมีการบริหารจัดการกระแสเงินสดให้เพียงพอต่อการลงทุนขยายโครงข่ายทั้งบริการ 5G และ 4G เพื่อรักษาความเป็นผู้นำอันดับ 1 ในอุตสาหกรรม โดยมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในครึ่งปีแรกรวม 42,328 ล้านบาท และคงงบลงทุนทั้งปี 2563 ประมาณ 35,000 ล้านบาท เพื่อเดินหน้าสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่แข็งแกร่งให้กับประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

หลังการประมูลคลื่น 5G ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา เอไอเอสได้ขยายเครือข่าย 5G ครบ 77 จังหวัด และครอบคลุมเต็มพื้นที่ 100% นิคมอุตสาหกรรมใน EEC แล้ว ปักหมุดให้ประเทศไทยเป็น ประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีเครือข่าย 5G ให้บริการเต็มพื้นที่ 100% ในนิคมอุตสาหกรรม ยกระดับ ไทยสู่ผู้นำเครือข่าย 5G ในระดับภูมิภาค พร้อมดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลกเข้ามาลงทุนในพื้นที่ EEC โดยเอไอเอสได้ประกาศวิสัยทัศน์ “AIS 5G – Forging Thailand’s Recovery” นำ 5G ร่วมฟื้นฟูประเทศไทยในทุกมิติ ภายใต้การผนึกกำลังกับผู้นำอุตสาหกรรมทุกภาคส่วน ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และการพัฒนาอย่างยั่งยืนและเป็นรูปธรรม ดังเช่น

  • ร่วมกับบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPI บริษัทในเครือสหพัฒน์ จัดตั้งบริษัทร่วมทุน ภายใต้ชื่อ “บริษัท สห แอดวานซ์ เน็ทเวอร์ค จำกัด หรือ SAN ให้บริการโครงข่ายใยแก้วนำแสง (Fiber Optic) และ ICT Infrastructure ภายในสวนอุตสาหกรรมของ SPI ทั้ง 4 แห่ง ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี, ปราจีนบุรี, ลำพูน และตาก
  • ร่วมกับอมตะซิตี้ นำเทคโนโลยี 5G และโครงข่ายดิจิทัล เข้าไปยกระดับการทำงานในอมตะซิตี้ ชลบุรี สู่ Smart City เมืองอัจฉริยะ ภายใต้ชื่อ “บริษัท อมตะ เน็ทเวอร์ค จำกัด”
  • ตลอดจนการพัฒนา 5G Immersive Experience ผ่านเทคโนโลยี AR/VR สร้างคอนเทนต์สนับสนุนการท่องเที่ยว และพลิกโฉมการสร้างสรรค์คอนเทนต์ด้านการศึกษา และความบันเทิงเป็นครั้งแรกของเมืองไทย  

 “ด้วยสถานการณ์ในขณะนี้ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ภายในประเทศเริ่มผ่อนคลายด้วยมาตรการด้านสาธารณสุขที่แข็งแกร่งของไทย ส่งผลให้ภาคธุรกิจต่างๆ สามารถกลับมาเปิดให้บริการ ประชาชนมีการปรับตัวใช้ชีวิตบนวิถีใหม่ หน้าที่ของเอไอเอส คือการนำ Digital Infrastructure ร่วมสนับสนุนและผลักดันให้คนไทย ภาคธุรกิจ และสังคมไทยเดินหน้าต่อไปได้ เพื่อให้ประเทศไทยก้าวผ่านวิกฤตเศรษฐกิจไปด้วยกัน ” นายสมชัย กล่าวสรุป

เปิดแล้ว OPPO Biggest Flagship Store ชั้น 5 Central World

OPPO มอบประสบการณ์สุดพรีเมี่ยมให้แก่ลูกค้า ยกระดับบริการหลังการขายให้ดียิ่งขึ้น เปิดสาขาใหม่ OPPO Biggest Flagship Store ในประเทศไทย ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

ภายใน OPPO Flagship Store แห่งใหม่นี้ มาพร้อมกับโซนแสดงนวัตกรรมสุดล้ำ ที่แบ่งออกเป็น 6 โซนด้วยกันไม่ว่าจะเป็น โซน Cloud Game ที่ทาง OPPO ได้นำ AR Glasses มาไว้ในโซนนี้ด้วย ให้คุณได้ลองสวมใส่และสนุกกับประสบการณ์การเล่นเกมส์เหนือระดับ

Creative Micro Scene แบบจำลองของเมืองที่แสดงถึงความสวยงามจากธรรมชาติสู่เทคโนโลยีในอนาคต ให้ผู้เข้าใช้บริการสามารถทดลองฟังก์ชั่นต่างๆ จากสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุด พร้อมได้ลองทดสอบประสิทธิภาพของสมาร์ทโฟน OPPO ในโหมด Ultra Steady บนแท่นทดสอบการสั่น Product Experience Desk ให้คุณได้สัมผัสกับดีไซน์ทั้งตัวเครื่อง พร้อมทั้งทดลองใช้สมาร์ทโฟน และให้คุณได้สัมผัสกับเทคโนโลยีชาร์จไวใน VOOC Experience Zone

ที่ช็อปแห่งนี้ยังมี Music Experience Wall ให้ผู้เข้าใช้งานรู้สึกผ่อนคลายดื่มด่ำไปกับประสบการณ์เสียงเหนือระดับ ก่อนที่จะไปชม IoT&5G โซนแสดงอุปกรณ์เทคโนโลยีสุดล้ำ และเทคโนโลยีเครือข่าย 5G ปิดท้ายด้วยโซน Big Screen Interaction จอแสดงภาพถ่ายจากสมาร์ทโฟนสู่หน้าจอ โดยการสร้างรูปร่างจากอนุภาคเล็ก ๆ เสมือนหน้าคุณขึ้นมา ทั้งยังให้คุณ Print ภาพถ่ายกลับบ้านได้ด้วย

นอกจากความพยายามมุ่งเน้นการพัฒนาด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ OPPO ยังมุ่งพัฒนางานบริการหลังการขายให้ดียิ่งขึ้นเช่นกัน ใน Flagship Store ได้นำ OPPO Service Center มาบริการลูกค้าอย่างสะดวกสบาย โดยลูกค้าสามารถรับบริการซ่อมด่วนภายใน 1 ชั่วโมง บริการรับส่งเครื่องซ่อมถึงมือลูกค้า ตรวจเช็กสภาพเครื่อง อัปเกรดซอฟต์แวร์ และบริการอื่นๆ อีกมากมาย

และเพื่อฉลองการเปิด OPPO Biggest Flagship Store แห่งใหม่ OPPO มอบโปรโมชั่นสุดพิเศษให้ผู้ที่ซื้อสมาร์ทโฟนภายในชอป ตั้งแต่วันนี้ – 14 กุมภาพันธ์ 2563 โดยรายละเอียดสิทธิพิเศษมีดังนี้:

  • สำหรับลูกค้าที่ซื้อ OPPO Reno 10x Zoom รับฟรี Harman Kardon onyx Studio 4 มูลค่า 8,990 บาท
  • สำหรับลูกค้าที่ซื้อ OPPO Reno2 Series หรือ OPPO F11 Pro 128GB รับฟรีกระเป๋าเดินทางสุดหรู มูลค่า 1,990 บาท
  • สำหรับลูกค้าที่ซื้อ OPPO A9 2020, OPPO A5 2020, OPPO A7 และ OPPO A5s รับฟรี OPPO Bluetooth Speaker มูลค่า 490 บาท

**สิทธิพิเศษนี้มีจำนวนจำกัด เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด

สำหรับผู้ที่สนใจสัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ สามารถเข้ารับบริการได้ที่ OPPO Flagship Store ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/oppothai/

The 1 Insight อัพเดตข้อมูลล่าสุด รู้ทันไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคสู่การพัฒนาธุรกิจอย่างตรงจุด

The 1 ตอกย้ำผู้นำ Loyalty Platform อันดับ 1 ของไทย ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล ต่อยอดความเข้าใจสมาชิกกว่า 16 ล้านคน สู่ The 1 Insight อินไซต์รีพอร์ทฉบับล่าสุดที่จะเผยพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน แม่นยำด้วยข้อมูล เทคโนโลยี และเครื่องมือที่ทันสมัย ผสาน Human Logic ที่ทำให้มองเห็นทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคได้อย่างลึกซึ้ง 360 องศา หยิบประเด็นฮิต เผยอินไซต์วิถีคนรวยยุคใหม่ในยุคดิจิทัลดิสรัปชั่น กลุ่ม “New Wealth” ที่มีกำลังซื้อสูง

ดร.ธรรม์ จิราธิวัฒน์ President – The1 กล่าวถึงที่มาของ The1 Insight ว่า “จากความเข้าใจที่เกิดจากการวิเคราะห์ข้อมูลผู้บริโภค ทำให้เราเห็นทุกการใช้ชีวิตของสมาชิกแบบรอบด้าน 360 องศา (Single View of Customer) จนเรียกได้ว่า The1 รู้พฤติกรรมเชิงลึก หรือ อินไซต์ (Insight) ของผู้บริโภคที่แท้จริงอย่างลึกซึ้ง ซึ่งในวันนี้เราได้นำ
ความเชี่ยวชาญนี้มาจัดทำเป็น ‘The1 Insight’ อินไซต์รีพอร์ทที่จะเผยพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันแบบเจาะลึก ที่จะกลายเป็นคู่มือสำคัญให้ทุกธุรกิจสามารถเข้าใจผู้บริโภค จนสามารถวางแผนและสร้างประสบการณ์ได้ดียิ่งขึ้น”

โดย The 1 Insight มีจุดเด่นที่ความแม่นยำและความน่าเชื่อถือ ที่ไม่ใช่แค่วิเคราะห์ความสนใจ (Interests) ที่เกิดขึ้น แต่วิเคราะห์จากพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจริง (Real Behavior) ร่วมกับข้อมูลที่น่าสนใจจากบริษัทในกลุ่มเซ็นทรัล ซึ่งครอบคลุมในทุกประเภทธุรกิจ นำมาวิเคราะห์ให้เข้ากับบริบทของสังคมไทยปัจจุบัน (Localization)

ทำไมต้อง New Wealth

สำหรับ The 1 Insight ฉบับแรกนี้เป็นเรื่อง “New Wealth” หรือ “คนรวยยุคใหม่” ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายสูงและทุกธุรกิจให้ความสนใจ โดยคำว่า “New Wealth” นี้ หมายถึงพฤติกรรมของคนรวยในยุคใหม่ ที่เทคโนโลยีและดิจิทัลดิสรัปชั่นทำให้พวกเขามีทัศนคติและวิถีชีวิตแตกต่างไปจากสมัยก่อนอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะเครื่องแสดง “สถานะ” (Status) ที่จากเดิมวิถีคนรวยเป็นเรื่องวัตถุนิยม และยึดติดกับคำว่า ‘ฉันมีอะไร’ หรือ ‘ฉันเป็นใคร’ แต่
“New Wealth” คือ การให้ความสำคัญกับนิยามความเป็นตัวของตัวเองว่า ‘ฉันให้คุณค่ากับอะไร’

นอกจากนี้ New Wealth จะเป็นกลุ่มคนที่เติบโตขึ้นมาเป็นผู้มีอำนาจในการซื้อสินค้าหลักของตลาด จากข้อมูลสมาชิก New Wealth ของ The 1 พบว่า ในปี 2019 มีสมาชิกที่มีรายได้สูง มีกำลังซื้อสูง ช่วงอายุน้อยกว่า 45 ปี มากถึง 47%   ซึ่งเติบโตขึ้นจากปี 2017 ขึ้นมา 4% และมีแนวโน้มที่จะโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกนัยหนึ่งคือคนกลุ่มนี้จะเป็นตัวแปรหลักของเศรษฐกิจในอนาคต

โดย The 1 พบ 3 อินไซต์ที่น่าสนใจของกลุ่ม “New Wealth” ประจำปี 2019 และ 2020 ที่ทุกธุรกิจไม่ควรพลาด ได้แก่

  1. Re-defining Luxury นิยามใหม่ของคำว่า ‘ลักชัวรี่’ ที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เมื่อคนรวยเปลี่ยน วัฒนธรรมความรวยก็เปลี่ยนไปด้วย เช่น การซ้อปสินค้าลักชัวรี่ที่ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีแบบเดิม แต่หันมาเลือกช้อปผ่านช่องทางออนไลน์ หรือ Omnichannel Platform มากขึ้น แม้แต่แบรนด์ไฮเอนด์ก็ปรับลุคให้ต่างจากเดิม
  2. More on Experience การให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่ได้รับจากการจับจ่าย ที่ต้อง “มากกว่า” และ “ดีกว่า” มาตรฐานทั่วไป แบบไม่จำกัดราคา ทั้งการรับประทานอาหาร Street Food ในห้างแบบไม่ต้องร้อน งานอดิเรกที่หลงใหล หรือบริการแบบเอ็กซ์คลูซีฟอย่างวีไอพีเลาจน์ บริการผู้ช่วยช้อปปิ้ง หรือ บริการ Omnichannel ที่ Personalized ตามความต้องการของแต่ละคน
  3.  Smart Wealth ที่ไม่ใช่แค่ “ใช้เงินเก่ง” แต่ต้อง “ใช้เงินเป็น” ทุกการจับจ่ายและสิทธิพิเศษต้องตอบโจทย์ความต้องการและคุ้มค่าที่สุด

คุณธีรพล ไทยหิรัญ Head of The1 Data & Insight กล่าวว่า “จากข้อมูลสมาชิกกลุ่ม ‘New Wealth’ ของ The1 พบว่า กลุ่ม ‘New Wealth’ เป็นผู้กำลังซื้อสูง โดยมีพฤติกรรมช้อปปิ้งสินค้าและบริการทุก 5 วัน หรือมากกว่าสมาชิกกลุ่มอื่น ๆ ถึง 3.5 เท่า สอดคล้องกับยอดใช้จ่ายเฉลี่ย ที่พบว่าสมาชิกกลุ่มนี้มียอดที่สูงมากกว่าสมาชิกกลุ่มอื่น ๆ ถึง 3 เท่าเลยทีเดียว แน่นอนว่าด้วยตัวเลขที่น่าสนใจขนาดนี้ ทำให้ New Wealth กลายเป็น Potential Customers กำลังซื้อสูง ที่ทุกแบรนด์ต้องให้ความสำคัญ จากตัวเลขดังกล่าวแสดงถึงอิทธิพลต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง ที่ทุกธุรกิจปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘New Wealth’ เป็นกลุ่มลูกค้าสำคัญที่ธุรกิจต้องตามพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปให้ทัน เข้าใจและทำการตลาดให้ตรงจุด ซึ่ง The 1 Insight ได้รับความร่วมมือจาก Pulse Metrics บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านบิ๊กดาต้าและการวิเคราะห์ข้อมูล ที่มีผลงานมายาวนาน และยังมีผลงานเป็นอันดับต้น ๆ ของเอเชีย มาช่วยเสริมการทำงานด้านการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเทคโนโลยีด้าน AI จึงยืนยันได้ว่ามีความแม่นยำ เชื่อถือได้ และนำมาปรับใช้ได้จริง”

รู้เท่าทันพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ก่อนใครกับ The1 Insight ผ่านช่องทางออนไลน์ที่เข้าถึงง่าย (ดาวน์โหลดฟรี) ได้ที่เว็บไซต์ slideshare.net/The1Insight หรือสอบถามข้อมูลสำหรับผู้ประกอบการและธุรกิจได้ที่ https://www.the1.co.th/contact/partner

กระแสเชิ้ตขาว GQWhite ดันต่อเปิด Concept Store ให้ได้ลองของจริงได้ง่ายขึ้น

GQ เปิดตัว Concept Store แห่งแรกในประเทศไทย ให้ทุกคนจับจองเป็นเจ้าของเสื้อเชิ้ต GQWhite ได้ง่าย ๆ ที่บีทีเอส อารีย์ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2019 – 31 พฤษภาคม 2020
โปรโมชั่นลดราคาสูงสุดถึง 50% สำหรับผู้ที่ซื้อในช่วง Grand Opening 2 อาทิตย์แรกเท่านั้น

หลังจากปล่อยคอลเลคชั่น GQWhite™ ที่สุดแห่งเสื้อ ให้เป็นกระแสบนโลกออนไลน์ได้ไม่นาน ล่าสุดจีคิว (GQ) กลับมาสร้างความแปลกใหม่อีกครั้ง ฉีกภาพร้าน GQ แบบเดิม เนรมิตพื้นที่บนบีทีเอส อารีย์ ให้เป็น “GQ Concept Store” สุดล้ำ แห่งแรกในประเทศไทย เอาใจหนุ่มคูล สาวชิคย่านอารีย์

“GQ Concept Store” ดีไซน์ในโทนสีขาว แดง ใช้องค์ประกอบอย่าง กระจกใส และการจัดไลท์ติ้งแบบห้องแล็บ มาเพิ่มความโดดเด่นและสื่อถึงนวัตกรรมล้ำ ๆ ของ GQWhite™ ได้อย่างลงตัว ทำให้ GQ Concept Store มีความ Instagramable เข้ากับย่านอารีย์มาก ๆ

นอกจากสไตล์ที่ดูสะดุดตาแล้ว GQ Concept Store ยังแฝงไปด้วยลูกเล่นที่จะมาเพิ่มความสนุกสนาน และประสบการณ์แปลกใหม่ในการลองเสื้อ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบวิธีโชว์ฟีเจอร์เด็ดของเสื้อก็ล้ำสุด ๆ แค่เห็นก็อยากจะซื้อมาลองด้วยตัวเอง หรือการเลือกเสื้อทั้ง 10 ไซส์ (GQ Size™)  ที่ไม่ได้หยิบจากราวหรือชั้นวางสินค้าอย่างที่เคยทำ จึงมั่นใจได้ว่าการลองเสื้อครั้งนี้ จะแตกต่างจากครั้งก่อน ๆ แน่นอน

สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะลองไปเช็คอิน ตอนนี้มีโปรโมชั่นพิเศษฉลองเปิด GQ Concept Store วันที่ 1 – 7 ธันวาคม ซื้อ 1 ตัว ลด 30% และซื้อ 2 ตัว ลด 50% พร้อม Starbucks gift card มูลค่า 200 บาท วันที่  8 – 14 ธันวาคม ซื้อ 1 ตัว ลด 30% และซื้อ 2 ตัว ลด 50% พร้อม Rabbit Card มูลค่า 200 บาท พิเศษเฉพาะที่ Concept Store บนบีทีเอส อารีย์เท่านั้น

GQ Concept Store ให้บริการ ณ บีทีเอส อารีย์ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2019 – 31 พฤษภาคม 2020 เวลา 11.00 – 20.00 น. วันจันทร์-ศุกร์ และเวลา 10.00 – 20.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ ติดตามข่าวสารได้ที่ www.gqwhite.com

เอไอเอส หนุนนักกีฬาอีสปอร์ตไทยลุยศึกชิงแชมป์โลก IESF 2019 ที่เกาหลีใต้

AIS หนุนนักกีฬาอีสปอร์ตไทยลุยศึกชิงแชมป์โลก 11th IESF Esports World Championship 2019 (IESF 2019) ที่เกาหลีใต้ วันที่ 11-15 ธ.ค.นี้

เอไอเอส ย้ำผู้นำอีสปอร์ตของประเทศ เดินหน้าสร้างโอกาสก้าวสู่การเป็นผู้เล่นอีสปอร์ตระดับทีมชาติให้กับคนไทย ยกระดับวงการอีสปอร์ตไทยสู่เวทีระดับโลก โดย เอไอเอส ได้รับเกียรติเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของ สมาคมกีฬาอีสปอร์ตแห่งประเทศไทย ในหมวดการสื่อสารโทรคมนาคม (Official Telecommunication Sponsor of TESF) ได้ให้การสนับสนุนระบบสื่อสารกับทางสมาคมฯ ในการเข้าแข่งขันรายการต่างๆ ตลอดปี 2562 นับตั้งแต่ช่วงเก็บตัวฝึกซ้อมไปจนถึงช่วงลงสนามแข่งจริง 

ล่าสุด สนับสนุนระบบสื่อสารให้แก่ นักกีฬาอีสปอร์ตตัวแทนทีมชาติไทย ซึ่งจะเดินทางไปร่วมการแข่งขันรายการ 11th IESF Esports World Championship 2019 ในเกม PES 2019, Tekken7 และ DOTA2 ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 11-15 ธันวาคม 2562 นี้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้นักกีฬาอีสปอร์ตสามารถติดต่อสื่อสารและใช้งานอินเทอร์เน็ตเพื่อฝึกฝีมือได้อย่างไม่มีสะดุดบนเครือข่ายโรมมิ่งคุณภาพ

“รายการ 11th IESF Esports World Championship 2019 นับเป็นการแข่งขันอีสปอร์ตชิงแชมป์ระดับโลกที่สำคัญอีกรายการหนึ่ง ซึ่งจัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 11 แล้ว โดยสหพันธ์กีฬาอีสปอร์ตนานาชาติ หรือ IESF มีประเทศเข้าร่วมการแข่งขันถึง 54 ประเทศทั่วโลก แสดงให้เห็นว่าอีสปอร์ตได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในเวทีระดับสากล พร้อมสร้างโอกาสให้คอเกมเมอร์ก้าวสู่การเป็นนักกีฬาอีสปอร์ตระดับทีมชาติ ซึ่งการแข่งขันในปีนี้ นักกีฬาอีสปอร์ตไทยได้ผ่านการคัดเลือกเข้าแข่งขันครบทุกรายการ เชื่อว่าจะสร้างความคึกคักให้กับวงการอีสปอร์ตบ้านเราอย่างแน่นอน จึงอยากเชิญชวนชาวไทยร่วมส่งกำลังใจเชียร์นักกีฬาอีสปอร์ตตัวแทนทีมชาติไทย ให้คว้าชัยชนะในการแข่งขัน พร้อมติดตามชมเทคนิคการเล่น เสริมสร้างแรงบันดาลใจในการต่อยอดสู่การเล่นกีฬาอีสปอร์ตระดับมืออาชีพต่อไป” นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป เอไอเอส กล่าว

LINE ประเทศไทย จัดงาน LINE GOV TECH 2019 ก้าวใหม่ขององค์กรรัฐสู่โลกแห่งดิจิทัล พร้อมโชว์ดิจิทัลโซลูชั่นเชื่อมต่อองค์กรรัฐ ผลักดันประเทศไทยสู่โลกแห่งดิจิทัล 4.0

LINE ประเทศไทย นำโดย นายนรสิทธิ์ สิทธเวชวิจิตร ผู้อำนวยการฝ่ายขายและสื่อโฆษณา LINE ประเทศไทย จัดงานสัมมนา LINE GOV TECH 2019 ก้าวใหม่ขององค์กรรัฐสู่โลกแห่งดิจิทัล ด้วยแพลตฟอร์มออนไลน์ชั้นนำกับเทรนด์สำคัญด้านดิจิทัล พร้อมแนวทางการพัฒนาองค์กรภาครัฐด้วยโซลูชั่นและเทคโนโลยีต่างๆ บน LINE ซึ่งป็นแพลตฟอร์มการสื่อสารอันดับหนึ่งเข้าถึงคนไทยกว่า 44 ล้านคน มั่นใจจะตอบโจทย์การเป็นดิจิทัลโซลูชั่นที่ใช้งานง่ายและสะดวก ช่วยเพิ่มทางเลือกในการใช้บริการภาครัฐ ที่จะเพิ่มความเท่าเทียมด้านการเข้าถึงข้อมูล และเพิ่มอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน

นับเป็นครั้งแรกที่มีหลากหลายองค์กรภาครัฐเข้าร่วมงานสัมมนาด้านเทคโนโลยีกันอย่างล้นหลาม  แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของภาครัฐอย่างแท้จริง พร้อมกันนี้ยังมีบริษัทพาร์ทเนอร์ชั้นนำ ด้านโซลูชั่นสำหรับองค์กร อาทิ McFiva (Thailand), Loxley, Cakebox, One to One Contacts และ GMVPI มาร่วมพูดคุยและจัดกิจกรรมเวิร์คช้อปส่งเสริมภาครัฐให้ก้าวเข้าสู่ยุคดิจิตอลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์4.0 และ Smart City ให้เกิดขึ้นจริงในอนาคต

BENQ CinePrime W5700 โปรเจคเตอร์สำหรับโฮมเธียเตอร์ รองรับ 4K HDR-PRO

บริษัท เบ็นคิว (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวโปรเจคเตอร์ DLP คุณภาพระดับโลก รุ่น CinePrime W5700 มิติของการชมภาพยนต์ด้วยขอบเขตการแสดงค่าสีครอบคลุมมาตรฐาน DCI-P3 ถึง 100% พร้อมรองรับระบบ 4K HDR-PRO™

โปรเจคเตอร์ รุ่น CinePrime W5700 True 4K HDR-PRO™ จาก BENQ เน้นรองรับกลุ่มผู้บริโภคที่ชื่นชอบโฮมเธียเตอร์ หรือโรงภาพยนต์ขนาดเล็ก และโรงภาพยนต์ดิจิตอล ให้สัมผัสกับประสบการณ์ในการชมภาพยนตร์อย่างแท้จริง ทั้งตื่นตาตื่นใจและเพลิดเพลินไปกับเทคโนโลยี CinematicColor™ พื้นที่การแสดงค่าสีครอบคลุมมาตรฐาน DCI-P3 ที่กว้างเป็นพิเศษ ถึง 100% เทียบเท่ากับวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์ พร้อมประสิทธิภาพจาก Delta E<3 ที่ลดหลั่นของน้ำหนักสี ให้การแสดงค่าสีถูกต้องแม่นยำ ถ่ายทอดเฉดสีออกมาได้เป็นธรรมชาติสมจริง โดยได้รับการการันตีและรับรองคุณภาพจากโรงงาน จึงทำให้โดนใจผู้สร้างภาพยนตร์

ให้ความคมชัดตื่นตาตื่นใจระดับ 4K UHD 3840×2160 เรโซลูชั่น พร้อมความสามารถในการแสดงผลที่ 8.3 ล้านพิกเซลต่อเฟรมภาพ อัตราส่วนความคมชัด (Contrast Ratio) 100,000:1 โปรเจคเตอร์ W5700 มาพร้อมการประยุกต์ใช้ Single – DMD DLP ขนาด 0.47 นิ้ว ตอบโจทย์พื้นที่ในห้องนั่งเล่น หรือจะเป็นโรงภาพยนตร์ดิจิตตอลขนาดเล็ก อีกทั้งยังสามารถให้ภาพที่มีความละเอียดได้มากถึงสี่เท่าตัว และประกอบด้วยการจัดเรียงเลนส์แก้วชนิด 4K-optimized Lens Array จำนวน 11 ชิ้น 6 กลุ่ม ลงในกรอบโลหะ ซึ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำ พร้อมให้แสงสามารถส่งผ่านได้ดี ส่งผลให้ภาพมีความคมชัดและแสดงค่าสีได้เทียบเท่ากับมาตรฐานโรงภาพยนตร์

สำหรับโปรเจคเตอร์ CinePrime W5700 มีวางจำหน่ายแล้วในราคา 69,900 บาท ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.benq.com และสั่งซื้อได้กับตัวจำหน่ายทั่วประเทศ

AIS เปิดให้ลูกค้าทุกเครือข่าย เปลี่ยน SIM2Fly เป็น eSIM ได้แล้ว

AIS อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าทุกเครือข่าย สามารถเปลี่ยน SIM2Fly เป็น eSIMสำหรับใช้งานบน iPhone XR, iPhone XS และ iPhone XS Max ได้แล้ว

ลูกค้าสามารถใช้บริการได้ที่ AIS SHOP ทุกสาขาทั่วประเทศ รวม 157 สาขา (ยกเว้นสาขาสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง) ฟรีค่าบริการเปิด ตั้งแต่วันนี้ – 10 มกราคม 2562 ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าที่เดินทางไปต่างประเทศ สามารถใช้SIM2Fly (ที่เป็น eSIM) ควบคู่กับซิมหลักของลูกค้าได้เลย โดยไม่ต้องถอดซิมหลักออก

SIM2Fly ซิมโรมมิ่งสุดประหยัด ให้เล่นเน็ต Non-Stop คุ้มค่ากว่า เริ่มต้นเพียง 50 บาท/วัน ครอบคลุมกว่า70 ประเทศทุกทวีปทั่วโลกสำหรับลูกค้าผู้ใช้มือถือทุกเครือข่าย

eSIM (embedded SIM) คือ ซิมการ์ดแบบฝังในตัวอุปกรณ์ จากเดิมเป็นรูปแบบการ์ดขนาดเล็กที่มีชิปฝั่งอยู่ เปลี่ยนมาเป็นข้อมูลชิปฝังในตัวอุปกรณ์โดยตรง โดยเป็นซิมดิจิตอลที่ช่วยให้คุณเปิดใช้งานเลขหมายโดยไม่ต้องใส่ซิมการ์ดปกติ (physical SIM) เข้าไปในตัวอุปกรณ์ ทำให้เพิ่มความสะดวกในการใช้งานสำหรับผู้ที่ใช้เลขหมายมากกว่า 1 เบอร์ในเครื่องเดียว จึงไม่ต้องกังวลเรื่องซิมการ์ดหาย ไม่ต้องเปิดถาดใส่ซิมการ์ดเพื่อใส่ซิม หรือ สลับซิมการ์ดเมื่อต้องการใช้งานอีกเลขหมาย

Sennheiser MOMENTUM TRUE WIRELESS หูฟังไร้สาย ระดับคุณภาพ

เปิดตัวหูฟังบลูทูธไร้สาย Sennheiser MOMENTUM TRUE WIRELESS คุณภาพของเสียงขั้นสุดยอด น้ำหนักเบา กันน้ำกันเหงื่อ แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน

ฟีเจอร์เด่นของ MOMENTUM TRUE WIRELESS

  • Dynamic Driver ขนาด 7 มิลลิเมตร
  • น้ำหนักเบา เพียงแค่ 13.2 กรัม (หูฟังทั้งสองข้าง) น้ำหนักรวมเคส : 69.8 กรัม
  • เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 รองรับ AAC และ Qualcomm aptX
  • ใช้งานผู้ช่วยอัจฉริยะได้ทั้ง Apple Siri และ Google Assistant
  • ไมโครโฟนสนทนาแบบ 2 mic beamforming ให้เสียงสนทนาที่คมชัด
  • Transparent Hearing ช่วยให้ได้ยินเสียงแวดล้อม เข้ามาระหว่างที่ใช้งาน
  • AptX Low Latency ไม่มีอาการภาพวิดีโอหรือเล่นเกมแล้วเสียงไม่ตรง
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้ 4 ชั่วโมง ชาร์จไฟผ่านเคสใส่หูฟัง ยืดเวลาได้เป็น 12 ชั่วโมง
  • มีแอปสำหรับปรับ EQ ได้แบบที่ต้องการ
  • กันน้ำกันเหงื่อ ละอองน้ำมาตรฐาน IPX4

Sennheiser MOMENTUM TRUE WIRELESS คุณภาพเสียงสมศักดิ์ศรีเซนไฮเซอร์ พร้อมฟีเจอร์อัดแน่นเพียบ

ปัจจุบันจะเห็นได้ว่า ในท้องตลาดตอนนี้ มีหูฟังแบบไร้สายออกมาแล้วหลายรุ่น สำหรับทาง เซนไฮเซอร์นั้น ได้ออกแบบละพัฒนา MOMENTUM TRUE WIRELESS ให้มีความโดดเด่นและสมบูรณ์แบบในการใช้งานมากที่สุด ด้วยรูปลักษณ์เฉพาะตัว สวยงาม สวมใส่สบาย ตัวหูฟังสามารถกันละอองน้ำได้ระบบมาตรฐาน IPX4 กันน้ำกันเหงื่อใช้ใส่ออกกำลังกายได้

ภายในใช้ไดนามิก ไดรเวอร์ขนาด 7 มิลลิเมตร เชื่อมต่อแบบไร้สายผ่าน Bluetooth 5.0 รองรับ AAC และการเข้ารหัสเสียง Qualcomm aptX ให้คุณภาพเสียงคมชัดระดับ hi-fi มีฟีเจอร์ Transperent Hearing ที่ให้คุณได้ยินเสียงจากภายนอกเข้ามาในหูฟังได้ เพื่อสะดวกในการสนทนากับผู้อื่นโดยไม่ต้องถอดหูฟัง และเพื่อความปลอดภัยระหว่างการเดินทาง

ส่วนด้านทำงานผสานกับสมาร์ทโฟนนั้น รองรับเชื่อมต่อโดยตรงได้ทั้ง Siri ในระบบ iOS และ Google Assistant บนระบบ Android ช่วยให้ใช้งานด้านคำสั่งเสียงได้อย่างสะดวกสบาย สำหรับเรื่องไมค์เสียงสนทนาใช้เป็น 2 mic beamforming ที่เพิ่มประสิทธิภาพการแยกเสียงหลักออกจากเสียงรบกวนรอบข้าง เพื่อให้การสนทนาทางโทรศัพท์มีความชัดเจน และการทำงานคำสั่งเสียงได้แม่นยำ

นอกจากนี้ยังมีแอปพลิเคชั่น Sennheiser Smart Control ที่ช่วยเรื่องปรับแต่ง EQ ของเสียงตามแบบที่ผู้ใช้ต้องการ และยังใช้งานร่วมกับระบบ aptXlow Latency ลดปัญหาการแลคของเสียงกับภาพเวลาที่ดูหนังหรือเล่นเกม จึงจะไม่มีปัญหาเรื่องภาพกับเสียงไม่ตรงกันแต่อย่างใด

การใช้พลังงาน Sennheiser MOMENTUM TRUE WIRELESS สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 4 ชั่วโมงโดยจะชาร์จไฟผ่านเคสใส่หูฟังที่ทำหน้าที่เป็นแบตสำรองในตัว สามารถใช้ชาร์จไฟเพื่อยืดเวลาการใช้งานได้ถึง12 ชั่วโมง โดยที่ตัวเคสจะออกแบบมาให้ภายนอกบุด้วยผ้า พร้อมตกแต่งรายละเอียดด้วยเมทัลลิค และการใส่ชาร์ก็ทำได้สะด้วยด้วยแม่เหล็ก ที่ล็อคหูฟังเข้ากับเคสได้อย่างง่ายดาย

Sennheiser MOMENTUM TRUE WIRELESS ราคา และการวางจำหน่าย

หูฟัง MOMENTUM TRUE WIRELESS จะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน 2561 นี้ ในราคา 12,390 บาท ที่ร้านตัวแทนจำหน่ายของเซนไฮเซอร์ อาทิ มั่นคง แก็ดเจ็ท, iStudio by Cooperwired, .Life, และเซนไฮเซอร์ ออนไลน์ สโตร์ th.sennheiser.com

ทรูไฟเบอร์ 1Gbps ราคาใหม่ เริ่มต้น 1599 บาท/เดือน

ตลาดของอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์ความเร็วสูงเริ่มเดือดแล้ว ล่าสุด ทรูไฟเบอร์ 1Gbps มีเพิ่มแพ็คเกจราคาใหม่ เริ่มต้นที่ 1,599 บาท/เดือน เท่านั้น

ทรูไฟเบอร์ 1Gbps ราคา 1599 บาท/เดือน (LITE)

เป็นแพ็กเกจใหม่ที่เพิ่มขึ้นมา โดยราคานั้นถูกกว่าแพ็กเกจ Premium ที่มีออกมาในช่วงแรก โดยตัว ทรูไฟเบอร์ 1Gbps (LITE) นั้นจะมีรายละเอียดดังนี้

  • อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง True Super Fiber  1Gbps/100mbps (DL/UL)
  • ซิมอินเทอร์เน็ตจาก Trumove H 20GB โทรฟรี 300 นาที (ความเร็วสูงสุด 300Mbps)
  • ดูทีวี True Vision แพ็กเกจอ Enjoy HD ฟรี 89 ช่อง (18 ช่อง HD) และรับชม Super Soccer HD, Enjoy Extra Movie HD, Enjoy Extra Kids HD ฟรี 3 เดือน
  • สิทธิ True Red Card
  • ราคา 1,599 บาท/เดือน (สัญญา 1 ปี)

แพ็กเกจนี้ถือว่าเป็นแพ็กสำหรับคนที่อยากได้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสุดที่ 1Gbps ในราคารายเดือนที่ถูกที่สุดแล้ว โดยถ้าเป็นแพ็กอื่นจะมีราคาที่สูงกว่าตั้งแต่ 1,999-3,999 บาท โดยจะเพิ่มในส่วนของกล่อง True Visios ที่รองรับได้ถึง 4K และแพ็คเกจเป็น PLATINUM HD ดูได้ 163 ช่อง (66 ช่อง HD)

สมัครแพ็กเกจ อินเทอร์เน็ต 1Gbps ของ True Super Fiber ได้อะไรพิเศษบ้าง?

ในการเลือกสมัครแพ็กเกจเน็ตไฟเบอร์นั้น ก่อนอื่นเลยต้องเช็คพื้นที่ให้บริการก่อนว่าสามารถเข้าถึงที่บ้านของเราได้หรือยัง ถ้าหากใช้งานได้ ก็สามารถติดต่อเพื่อขอติดตั้งได้เลย โดยจะมีสิทธิพิเศษให้ดังนี้

  • ฟรี ค่าติดตั้ง และค่าเดินสายอินเทอร์เน็ต มูลค่า 2,600 บาท
  • ฟรีค่าติดตั้ง และค่าประกันกล่องทรูวิชั่นส์ มูลค่า 4,500 บาท
  • ค่าแรกเข้า ราคาพิเศษ จากปกติ 2,000 บาท เหลือเพียง 890 บาท
  • รับสิทธิยืมอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (GPON Router) และอุปกรณ์กระจายสัญญาณ WiFi รุ่นมาตรฐาน (Dual Band WiFi Router 4 ports) รองรับความเร็ว 1Gbps ผ่าน LAN และ 350Mbps ผ่าน WiFi
  • รับสิทธิ์อัพเกรดอุปกรณ์กระจายสัญญาณ WiFi จากรุ่นมาตรฐาน มาเป็น D-Link ULTRA WiFi Router รุ่น DIR895-L AC5300 ที่ทำความเร็ว WiFi ได้สูงสุด 1Gbps (ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่นำมาเชื่อมต่อ) จากปกติ 12,900 บาท เหลือเพียง 5,500 บาท

ดูรายละเอียด ทรูไฟเบอร์ 1Gbps แพ็กเก็จอื่นๆ ได้ที่ trueonline.truecorp.co.th

PS4 Pro Spider-man Limited edition ราคา 17690 บาท ขาย ก.ย.นี้

เครื่อง PS4 Pro Spider-Man Limited Edition พิเศษด้วยตัวเครื่องและคอนโทรลเลอร์สีแดง แปะด้วยโลโก้สไปเดอร์แมน วางขายพร้อมเกมปลายเดือนกันยายนนี้

PS4 Pro Spider-Man Limited Edition

โซนี่ อินเตอร์แอคทีฟ เอนเตอร์เทนเมนต์ ฮ่องกง สาขาสิงคโปร์ (SIES) เปิดตัวชุดเครื่องเกมคอนโซลลวดลายพิเศษจำนวนจำกัด “PlayStation 4 Pro Marvel’s Spider-Man Limited Edition” พร้อมวางจำหน่ายช่วงเดือนกันยายน ศกนี้ ในราคา 17,690 บาท โดยในชุดประกอบไปด้วย

  • เครื่องเกมคอนโซล PlayStation®4 Pro (PS4 Pro ความจุขนาด 1TB HDD) ลวดลายพิเศษ
  • คอนโทรลเลอร์ไร้สาย (DUALSHOCK®4)
  • แผ่นเกมบลูเรย์ Marvel’s Spider-Man

เกม Marvel’s Spider-Man หนึ่งในซูเปอร์ฮีโร่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก พร้อมความสามารถในด้านกายกรรม ไหวพริบ และการปล่อยใยแมงมุมเพื่อโหนเคลื่อนที่ตามแบบฉบับเจ้าแห่งการไต่กำแพงอันโด่งดัง

ในขณะเดียวกันก็นำเสนอองค์ประกอบใหม่ๆ ที่ผู้เล่นจะไม่เคยเห็นมาก่อนจากเกมในเครือ Spider-Man ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนที่แบบเทคนิคแนวปากัวร์, การมีปฏิสัมพันธ์ต่อสิ่งแวดล้อมภายในเกม ไปสู่การต่อสู้รูปแบบใหม่ และระบบแอ็กชันประหนึ่งภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ เพราะนี่คือเกม Spider-Man ในรูปแบบที่คุณไม่เคยเล่นมาก่อน

ในชุดยังประกอบไปด้วยส่วนเสริมเกมพิเศษจำนวน 3 ตอน ที่จะปล่อยหลังจากเกมเปิดวางจำหน่าย โดยมีชื่อว่า Marvel’s Spider-Man: The City That Never Sleeps.