รีวิว Garmin fenix 5 เรียกได้ว่า เป็นนาฬิกา Multi-Sport ตัวท็อปสุดของ Garmin ประจำปี 2017 เพราะอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีล่าสุด และประสิทธิภาพครบถ้วนรอบด้าน
ในบรรดานาฬิกา GPS แบบ Multi-Sport สำหรับการออกกำลังกาย Garmin fenix ถือว่าเป็นซีรี่ย์รุ่นระดับเรือธงของการ์มิน ที่จะโดดเด่นเป็นพิเศษเรื่องของฟีเจอร์ความสามารถต่างๆ ที่อัพเดทใหม่ล่าสุด รวมถึงการออกแบบและใช้วัสดุที่ดีเยี่ยม มีการพัฒนาต่อเนื่องมาหลายรุ่น ตั้งแต่ fenix, fenix 2, fenix 3, fenix 3 HR จนถึงปัจจุบันการ์มินได้ออกเจ้านกไฟรุ่นล่าสุด Garmin fenix 5 (อ้าว ! แล้ว fenix 4 หายไปไหน ?) สำหรับรุ่นที่ 5 ถือได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนหน้านี้หลายอย่าง โดยปรับปรุงข้อด้อยหลายอย่างที่เคยมีให้หมดไป และมีเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้ดีขึ้นไปอีก
Garmin fenix 5 ออกมาให้เลือกได้ 3 รุ่น 3 ขนาด!
สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างแรกในนกไฟรุ่นที่ 5 นี้ก็คือ มีรุ่นย่อยแยกออกมาพร้อมกันถึง 3 รุ่น คือ fenix 5, fenix 5s และ fenix 5x โดยความแตกต่างกันนั้นอย่างแรกเลยก็คือเรื่องของขนาดตัวเรือน ก่อนหน้านี้ต้องยอมรับว่า fenix รุ่นก่อนหน้านี้มีขนาดตัวเรือนและน้ำหนักค่อนข้างมาก จึงเป็นอุปสรรคสำหรับสาวๆ หรือคนที่ข้อมือเล็ก งานนี้การ์มินเลยจัดให้แยก 3 ขนาด เลือกได้ตามใจชอบ
Garmin fenix 5s
น้องเล็กสุดด้วยขนาดตัวเรือนขนาด 42 มม . หนา 14.5 มม . ตัวสายจะเป็นขนาด 20 มม . น้ำหนักตัวเรือนพร้อมสายแบบซิลิโคนอยู่ท่ 67 กรัม เรียกได้ว่าเป็นขนาดที่เหมาะสำหรับสาวๆ โดยเฉพาะ เพราะถ้าเทียบกับ fenix 3 แล้วมีขนาดเล็กลงมาเกือบ 30% เลยทีเดียว แถมดีไซน์ตัวเรือนก็ดูไม่แมนมากอีกด้วย
สำหรับ fenix 5s จะมีรุ่นย่อยแยกอีก 2 รุ่นคือ รุ่นมาตรฐานที่ตัวหน้าปัดจะเป็นกระจก mineral และรุ่น Sapphire ตัวกระจกจะเป็นแซฟไฟร์ที่ทนต่อรอยขูดขีด และภายในมีเพิ่มระบบการเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi ได้ด้วย
Garmin fenix 5
รุ่นมาตรฐานมาด้วยขนาดตัวเรือนหน้าปัด 47 มม . หนา 15.5 มม . สายขนาดกว้าง 22 มม . น้ำหนักพร้อมสายซิลิโคนอยู่ที่ 85 กรัม ซึ่งจะมีรุ่นแยก 2 รุ่นเหมือนกับ feniz 5s คือรุ่นกระจก mineral และแบบ Sapphire + Wi-Fi ให้เลือก
Garmin fenix 5x
รุ่นจัดเต็มตัวท็อปของตระกูล มาด้วยขนาดและน้ำหนักเท่าๆ กับ fenix 3 HR หน้าปัดใหญ่ถึง 51 มม . ตัวเรือนหนา 17.5 มม . น้ำหนักพร้อมสายซิลิโคนอยู่ที่ 98 กรัม ตัวสายความกว้าง 26 มม . สำหรับ 5x จะมีเฉพาะรุ่น Sapphire อย่างเดียว
แต่สำหรับ 5x แล้วนอกจากจะมีขนาดใหญ่สุดแล้ว ยังมีฟีเจอร์เพิ่มขึ้นมาคือมีหน่วยความจำในเครื่องมาให้ 16GB สำหรับลงแผนที่ในตัวเรือนได้ พร้อมทั้งแสดงผลแผนที่บนหน้าจอได้เลย เพื่อใช้เป็นแผนที่นำทางในการเดินทางได้ แถมยังสามารถใช้คำสั่งหาเส้นทางวิ่งออกกำลังกายให้อัตโนมัติตามที่ต้องการได้อีกด้วย
แกะกล่อง รีวิว Garmin fenix 5
สำหรับตัวที่ผมจะเอามารีวิวกันในครั้งนี้จะเป็น Garmin fenix 5 รุ่น Sapphire คือตอนแรกก็ลังเลอยู่ว่าจะซื้อเป็นตัวธรรมดาหรือว่าเป็นแซฟไฟร์ไปเลย สุดท้ายก็เลือกแซฟไฟร์ เพราะไม่อยากมาวุ่นวายแปะกระจกกันรอยหน้าจอ ที่มักจะร่อนแตกง่ายมาก ตัวกล่องแพ็กเกจเป็นทรง 4 เหลี่ยมลูกบาศก์แกะออกมาจะเจอกับตัวเรือนแปะสติกเกอร์กันรอยเอาไว้ หยิบออกมาด้านในจะมีของมาให้อีกเป็นสายชาร์จแบบเสียบ USB พร้อมคู่มือการใช้งานเบื้องต้น 1 เล่ม และสติกเกอร์เก๋ๆ ให้อีก 3 แผ่น แค่นี้ล่ะ เรียกได้ว่ามินิมอลสุดๆ ไม่มีอะไรเยอะแยะให้ยุ่งยาก ว่าแล้วก็มาดูกันที่ตัวเรือนเลย
ส่องรอบเครื่อง
ตัวเรือนของ Garmin fenix 5 จะดีไซน์แนวนาฬิกาที่ดูสปอร์ตลุยๆ ตัวเรือนเป็นสีดำทั้งเรือน วัสดุตัวเรือนนั้นจะใช้เป็นสแตนเลสสตีล เคสรอบหน้าปัดจะวัสดุเป็น fiber-reinforced polymer กระจกหน้าปัด อย่างที่บอกไปตอนแรกจะมีให้เลือก 2 รุ่นคือกระจกธรรมดาที่เป็น mineral และแบบที่เป็น sapphire crystal ที่มีความทนทานต่อรอยขูดขีดต่างๆ มากกว่า อันนี้เลือกได้กันตามใจชอบ
ตัวเรือนหน้าปัดเป็นแบบทรงกลม สำหรับในรุ่น fenix 5 และ 5x จะมีขนาด 1.2 นิ้ว ( ความละเอียด 240 x 240 พิกเซล ) ส่วนรุ่น 5s จะขนาด 1.1 นิ้ว ( ความละเอียด 218 x 218 พิกเซล ) จุดเด่นตัวหน้าจอนาฬิกาของ Garmin ทุกรุ่นก็คือจะใช้เป็นจอสีแบบ transflective memory-in-pixel (MIP) ที่มีคุณสมบัติคือสามารถมองเห็นได้ชัดในที่สว่างและกลางแจ้ง ต่างจากนาฬิกาสมาร์ทวอทช์รุ่นอื่นๆ ที่ใช้เป็นแบบ OLED ที่แม้ว่าอาจจะให้สีที่สวยสดกว่าแต่ก็กินพลังงานมาก ทางการ์มินเน้นในเรื่องประสิทธิภาพในการใช้งานเพื่อออกกำลังกายมากกว่าจึงเลือกใช้หน้าจอแบบนี้แทน
หน้าจอของ fenix 5 นั้นเป็นจอแบบธรรมดาที่ไม่สามารถสั่งการหรือควบคุมผ่านการสัมผัสหน้าจอ (touchscreen) การควบคุมต่างๆ จะสั่งผ่านทางปุ่มที่อยู่ด้านข้างรอบเครื่องที่มีทั้งหมด 5 ปุ่มด้วยกันคือ ( ไล่จากทางขวาวนตามเข็มนาฬิกา ) ปุ่มแรกเป็นปุ่ม OK ที่ใช้ตอบตกลงยืนยันเลือกคำสั่ง และเรียกเมนูในการบันทึก Activity ต่างๆ ต่อมาเป็นปุ่ม Back สำหรับย้อนหลังกลับไปเมนูก่อนหน้า ต่อมาเป็นปุ่มเลื่อนขึ้น – ลงในการเลือกคำสั่ง สำหรับปุ่มเลื่อน Up นั้นถ้ากดค้างไว้จะเป็นการเรียกเมนูคำสั่งหลัก และปุ่มสุดท้ยทางซ้ายบนจะเป็นปุ่มเปิดไฟ backlit เพื่อดูในที่มืด ถ้ากดค้างก็จะเรียก Shortcut เมนูควบคุมเสริมขึ้นมา
พลิกมาด้านหลังของเครื่อง จะมีระบุรุ่นของเครื่อง พร้อมบอกว่าตัวเรือนสามารถกันน้ำได้ถึง 100 เมตร ตามมาตรฐาน 10ATM รองรับการใช้งานกิจกรรมกีฬาทางน้ำได้ทุกประเภท ตรงกลางจะเป็นเซนเซอร์แสงสำหรับวัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบไฟ 3 ดวง
ตัวสายนาฬิกาเป็นแบบ QuickFit ที่การ์มินออกแบบมาให้ผู้ใช้สามารถถอดเปลี่ยนสายได้ง่ายกว่าเดิม ที่แต่ก่อนนั้นเป็นแบบต้องเอาไขควงมาขันน็อตถอดออก ซึ่งยุ่งยากมาก แต่พอมาเป็นแบบ QuickFit แล้ว เพียงแค่ดันสลักด้านหลังของสายก็ถอดสายออกได้แล้ว คราวนี้ใครอยากจะใส่สายแบบซิลิโคนเวลาวิ่ง แต่อยากเปลี่ยนเป็นสายเหล็กสำหรับวันทำงานเท่ๆ ก็ทำได้สบายๆ
โดยรวมแล้วเรื่องของการดีไซน์ของ Garmin fenix 5 ถือว่าสวยงามลงตัวตามสไตล์เดิมอย่างมีเอกลักษณ์ ส่วนตัวผมชอบกับขนาดและน้ำหนักของมันที่ลดลงจากตอน fenix 3 HR ลงไปพอสมควร ทำให้ใส่แล้วไม่รู้สึกหนักข้อมือจนเกินไป และสวมได้ทั้งวันแบบไม่ค่อยรู้สึกรำคาญ
แบตเตอรี่ที่อึดถึกทน
จุดเด่นอีกอย่างสำหรับนาฬิกาออกกำลังกายของการ์มินก็คือ แบตเตอรี่ที่ชาร์จครั้งนึงเต็มๆ สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานและสำหรับ fenix 5 นั้น ตามสเปคแล้วระบุว่าแบตเตอรี่เต็ม 100% สามารถอยู่ได้นานถึง 2 สัปดาห์ แล้วเปิดในโหมด GPS พร้อม Heart rate ต่อเนื่องได้ 24 ชั่วโมง และในโหมด UltraTrac ได้มากถึง 60 ชั่วโมง ( ไม่เปิดใช้ HR)
เมื่อเราได้ทดสอบลองใช้จริง ก็พบว่าอันนี้ไม่ใช่ราคาคุย จากการลองใช้งานสวมตลอดเวลา มีใช้โหมดกิจกรรมวิ่งและปั่นจักรยานรวมกันแล้วประมาณ 5 ชั่วโมง ปรากฎว่าแบตเตอรี่สามารถอยู่ได้นานถึง 10 วันโดยที่แบตเหลืออยู่อีก 10% เรียกได้ว่านานๆ ชาร์จทีแล้วใช้ยาวไปเลย พร้อมไปกับคุณได้ทุกกิจกรรม ไม่ว่าจะปั่นจักรยานทางไกลระดับ Audax , วิ่งมาราธอนนี่สบายๆ ใช้ได้ยัน Ultra Marathon หรือจะเดินป่า วิ่งเทรล ลุยไตรกีฬาสบายๆ ไม่ต้องกลัวแบตเตอรี่หมดระหว่างกิจกรรม
เชื่อมต่อเซนเซอร์ต่างๆ ผ่าน ANT+ และ Bluetooth
ถึงแม้ว่าในตัวของ Garmin fenix 5 จะมีเซนเซอร์ต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นตัวระบุพิกัดดาวเทียมทั้งแบบ GPS และ GLONASS, เซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบแสงที่ข้อมือ , Barometric altimeter สำหรับวัดความกดอาการและความสูง , เข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์ , Gyroscope, Accelerometer และเทอร์โมมิเตอร์ แต่นี่อาจจะยังไม่เพียงพอสำหรับคนที่ต้องการเก็บข้อมูลในการออกกำลังกายแบบละเอียดถึงขั้นสุด การ์มินยังเปิดให้เราสามารถเชื่อมต่อเซนเซอร์อื่นๆ แบบไร้สายผ่านมาตรฐาน ANT+ และ Bluetooth ได้ด้วย
ถ้าสำหรับการปั่นจักรยาน เราสามารถต่อกับเซนเซอร์วัดความเร็วและรอบขา (Speed & Cadence) แบบ ANT+ หรือจะเป็นแบบ Bluetooth ก็มีเอามาใช้ด้วยได้เช่นกัน ส่วนการวิ่งเราจะต่อกับตัวเซนเซอร์วัดอัตราการเต้นแบบคาดอกก็ได้ ที่การ์มินมีรุ่น HRM-Run สำหรับการวิ่งโดยเฉพาะ ส่วนการว่ายน้ำและไตรกีฬาก็มี HRM Swim และ HRM Tri มาพ่วงต่อใช้ได้เช่นกัน
Heart Rate Monitor แบบใหม่
ตัววัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบแสง LED ด้านล่างตัวเรือน มีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนหน้านี้ ตรงที่ดวงไฟนั้นไม่นูนออกมาจากตัวเรือน ทำให้เวลาที่สวมใส่ไม่กดทับจนเกิดเป็นรอยที่ข้อมือ และในการวัดอัตราการเต้นของหัวใจนั้น fenix 5 ยังสามารถส่งสัญญาณที่วัดได้ไปให้กับอุปกรณ์อื่นอย่าง Garmin edge ได้อีกด้วยในรูปแบบของ Broadcast ถือว่าสะดวกสบายสำหรับคนที่ไม่ชอบใช้ HRM แบบรัดหน้าอกที่บางครั้งใส่แล้วอึดอัดน่ารำคาญ
รองรับกิจกรรมและกีฬาได้สารพัดอย่าง
อย่างที่บอกไปว่า Garmin fenix 5 เป็นนาฬิกา GPS แบบ Multi-sport ที่รองรับในการใช้งานกับการออกกำลังกายได้หลายแบบ และนี่คือกีฬาต่างๆ ที่สามารถใช้งานร่วมด้วยได้
วิ่ง รองรับทั้งวิ่งกลางแจ้ง , วิ่งในร่ม , บน treadmill, วิ่งเทรล
ปั่นจักรยาน มีได้ทั้งการปั่นกลางแจ้งและปั่นเทรนเนอร์ในบ้าน , ปั่นเสือภูเขา
ว่ายน้ำ เลือกได้ทั้งว่ายในสระ หรือว่ายแบบ open water
ตีกอล์ฟ ที่เอาไว้ใช้ได้ทั้งบันทึกการออกกำลังกาย มีโหมด TruSwing สำหรับเก็บข้อมูลวงสวิง และยังโหลดข้อมูลสนามกอล์ฟมาใช้ระหว่างออกรอบได้ด้วย
Triathlon รองรับการใช้สำหรับเล่นไตรกีฬา และทวิกีฬา ( ว่ายน้ำ + วิ่ง ) เราเลือกกำหนดลำดับกีฬาและกดเพื่อบันทึกระหว่างเปลี่ยน Transition ได้
Training การออกกำลังกายที่เลือกแบบ Strength, Cardio ฯลฯ
อื่นๆ มีกิจกรรมอีกหลายอย่างที่ให้เลือกได้ อาทิ เล่นสกี , สโนว์บอร์ด , พายเรือ , เดินป่า , ปีนเขา ไปจนถึงกระโดดร่ม หรือว่าถ้าอยากจะสร้าง Activity ของเราเองก็เลือกสร้างเองก็ยังได้
บอกค่าประสิทธิภาพในการออกกำลังกายได้อย่างละเอียด
เคยมีคำถามจากหลายคนเกี่ยวกับพวกอุปกรณ์นาฬิกาสำหรับเล่นกีฬา ว่ามันมีประโยชน์อะไรหรือถึงต้องหามาใส่เวลาที่ออกกำลังกาย ? เราจำเป็นจะต้องบันทึกไปทำไมว่าวิ่งได้ระยะทางเท่าไหร่ จากไหนถึงไหน ปั่นเร็วแค่ไหน ฯลฯ บางคนก็รู้สึกว่าแค่เราออกกำลังกายเฉยๆ ก็พอแล้วไม่ต้องมาสิ้นเปลืองกับอุปกรณ์พวกนี้
ถ้ามองในมุมมองของคนที่ต้องการออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง อุปกรณ์พวกนี้ก็อาจจะไม่จำเป็นอะไร แต่สำหรับคนที่อยากออกกำลังกายแล้วต้องการฝึกฝนให้ทำสถิติได้ดีขึ้น รวมถึง Performance ของร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้น การออกกำลังกายแบบตามมีตามเกิดนั้นไม่ช่วยให้เกิดพัฒนาการได้ อุปกรณ์เหล่านี้จึงมีส่วนที่เข้ามาช่วยอ้างอิงผลค่าต่างๆ ตามหลักวิทยาศาสตร์การกีฬาและการแพทย์ สรุปเป็นคะแนนและค่าเฉลี่ยต่างๆ เพื่อให้ผู้ใช้รู้ว่า การวิ่งหรือปั่นของเรา พัฒนาดีขึ้นหรือได้ผลอย่างไร รวมไปถึงความฟิตของร่างกายอยู่ในระดับไหน
Garmin fenix 5 นั้น นอกจากจะทำหน้าที่เก็บข้อมูลต่างๆ ระหว่างการออกกำลังกายเพื่อบันทึกเป็นสถิติส่วนตัว ยังมีการวิเคราะห์ค่าที่มีประโยชน์กับการฝึกฝนของผู้ใช้ในระดับสูงอีกหลายอย่าง
Training Effect
การให้คะแนนที่ประมวลทั้งกิจกรรมของเรา ไม่ว่าจะเป็นวิ่ง , ปั่นจักรยาน , ว่ายน้ำ ฯลฯ ออกมาเป็นคะแนน 2 ด้านคือ Aerobic ที่เป็นการออกกำลังกายที่มีผลกับการเผาผลาญไขมันและลดน้ำหนัก และ Anaerobic ที่เป็นแบบคาดิโอ มีผลในเรื่องของกล้ามเนื้อและความแข็งแกร่งของร่างกาย คะแนนนี้จะให้เป็นเกรดคะแนนเต็ม 5 คะแนน มีประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการโฟกัสการออกกำลังกายเพื่อหวังผลที่ต้องการ ว่าต้องการจะลดน้ำหนักหรือสร้างกล้ามเนื้อ ทำให้ฝึกฝนและเล่นได้ถูกต้องตามเป้าหมายที่ต้องการ
VO2 max
เป็นค่าที่สำคัญมากสำหรับคนที่ต้องการพัฒนาศักยภาพในการวิ่งของตัวเอง ถ้าแปลกันตรงๆ คือ ค่าปริมาณออกซิเจนที่ร่างกายสามารถรับและนำไปใช้ได้ มีหน่วยเป็น ml/kg/min หรือ มิลลิลิตรต่อน้ำหนักตัวต่อนาที ยิ่งค่า VO2 max มากเท่าไหร่ ก็หมายถึงประสิทธิภาพโดยรวมของร่างกายที่ดี
ตามปกติแล้วการวัดค่า VO2 max นั้นจะต้องใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์และทดสอบกันที่โรงพยาบาล แต่การ์มินได้พัฒนาตัวอุปกรณ์ให้สามารถวัดค่าได้เทียบเคียงได้ในระดับเดียวกัน นั่นคือทุกครั้งที่คุณใช้ Garmin fenix 5 ใส่วิ่งออกกำลังกาย นาฬิกาจะวัดประเมินผล VO2 max ให้ พร้อมบอกด้วยว่าค่าที่ได้นี่เท่ากับร่างกายอายุเท่าไหร่
Recovery time
มีการประเมินให้หลังจากจบการออกกำลังกายในแต่ละครั้งว่าเราควรที่จะพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูร่างกาย เป็นเวลานานแค่ไหนก่อนที่จะออกกำลังกายในครั้งต่อไป เพื่อป้องกันไม่ให้เราฝืนร่างกายจนอาจจะทำให้ได้รับบาดเจ็บจากการออกกำลังกายที่มากเกินไป
ฟีเจอร์สำหรับการปั่นจักรยาน
Garmin fenix 5 เป็นนาฬิกาที่สวมข้อมือ แต่ว่าถ้าอยากจะเอาไว้ใช้ปั่นจักรยานก็ไม่ใช่ปัญหา การ์มินมีอุปกรณ์เสริมที่เรียกว่า Bike Mount ให้เราสามารถเอาตัวนาฬิกาไปรัดไว้กับตัวแฮนด์เพื่อใข้เป็น Bike Computer แสดงค่าระหว่างการปั่นได้เลย เพราะเราสามารถเชื่อมต่อ ANT+ กับเซนเซอร์ต่างๆ ทั้งตัววัดรอบขา , ความเร็ว และ Power Meter ถ้าให้เทียบแล้วฟีเจอร์อยู่ในระดับเดียวกันกับ Garmin Edge 520 และถ้าเป็น fenix 5x ที่มีระบบนำทางแผนที่มาให้ด้วย ก็เรียกได้ว่าเทียบเท่ากับ Edge 820 ได้เลย แต่ว่าจะมีข้อด้อยกว่า Edge ตรงที่หน้าจอของ Fenix 5 นั้นเล็กกว่า อาจจะแสดงข้อมูลที่หน้าจอได้ไม่เยอะเท่า รวมถึงเสียงเตือนก็ดังน้อยกว่า อ้อ ! และถ้าเอามาใช้ใส่ Bike Mount แล้ว คุณต้องเปลี่ยนมาใช้ตัวเซนเซอร์ HRM แบบคาดอกแทนด้วยนะ
ส่วนฟีเจอร์พื้นฐานต่างๆ มีมาครบถ้วน เราสามารถโหลดคอร์สมาใช้ได้ โหลดโปรแกรมการฝึกฝนแบบ Interval คำนวนค่า FTP (Functional Threshold Power) ให้ได้ ( ต้องใช้กับอุปกรณ์ที่รองรับเพิ่ม ) เชื่อมต่อเพื่อควบคุมอุปกรณ์อื่นๆ ของการ์มินอย่างเช่นกล้อง Verb และชุด Varia ที่เป็นเรดาร์ตรวจจับรถที่วิ่งอยู่ข้างๆ รวมถึงใช้ฟีเจอร์ร่วมของ Strava อย่าง Beacon และ live segments ได้ด้วย
ฟีเจอร์สำหรับการวิ่ง
เทคโนโลยีของการ์มินนั้นช่วยให้คุณพัฒนาเรื่องวิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่แค่บอกว่าคุณวิ่งได้ไกลแค่ไหน เร็วแค่ไหน ทำ Pace ได้เท่าไหร่ แต่จะมีช่วยดูเรื่องรอบขา , ระยะก้าวขา , จังหวะการลงเท้า ( ต้องมีอุปกรณ์เซนเซอร์เพิ่ม ) หลายคนวิ่งแทบตายแต่ว่าความเร็วไม่เพิ่มขึ้นเพราะว่าจังหวะและการก้าวที่ไม่ถูกต้อง ค่าเหล่านี้มาช่วยให้คุณนำไปปรับปรุงการวิ่งให้ดียิ่งขึ้นได้
Activity Tracker เก็บข้อมูลการเคลื่อนไหวตลอดทั้งวัน
นอกจากจะเอาไว้เล่นกีฬาแล้ว ตลอดเวลาที่คุณสวม fenix 5 ไว้ จะมีระบบเก็บข้อมูลการเคลื่อนไหวตลอดทั้งวันแบบที่สายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพทำได้ ทั้งนับก้าวเดิน , ประเมินแคลลอรี่ที่เผาผลาญ , จำนวนการขึ้นชั้นบันได , เก็บวัดคุณภาพการนอนพักผ่อน และยังมีระบบที่เรียกว่า Move IQ ที่บันทึกกิจกรรมการเดิน วิ่ง ปั่นให้อัตโนมัติ ( แต่จะไม่เก็บข้อมูลเหมือนเราสั่งบันทึกเอง )
Garmin Connect เชื่อมต่อและทำงานคู่กับสมาร์ทโฟน
หัวใจหลักสำคัญในการใช้งานตัวนาฬิกา fenix 5 คือแอพ Garmin Connect ในสมาร์ทโฟน เพื่อทำการเชื่อมต่อข้อมูลกิจกรรมต่างๆ ของเรามาเก็บและส่งขึ้นไปประมวลเป็นสถิติให้ เราสามารถมาดูกิจกรรมย้อนหลังต่างๆ ดูผลของการออกกำลังกายแต่ละครั้งโดยละเอียดผ่านทางแอพ ( หรือจะผ่านหน้าเว็บก็ได้ ) ในระบบของ Garmin Connect นั้นยังมีคอมมูมิตี้สำหรับเชื่อมต่อกับเพื่อนคนอื่นๆ ที่ใช้อุปกรณ์ของการ์มินเหมือนกัน เพื่อทำการแชร์ข้อมูลการออกกำลังกาย รวมถึงจัด challenge เพื่อแข่งขันกับเพื่อนๆ ได้ด้วย
ในตัวแอพยังมีส่วน IQ Connect ที่เป็นการโหลดส่วนเสริมเพิ่มฟีเจอร์การใช้งานให้กับนาฬิกา ทั้งเปลี่ยนหน้าปัด , แอพใช้งาน , วิดเจ็ทต่างๆ ฯลฯ ได้ฟรีอีกด้วย
รองรับภาษาไทย แจ้งเตือนและควบคุมสมาร์ทโฟนผ่านหน้าปัด
และด้วยความที่มันเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ จึงใช้งานเป็นนาฬิกาอัจฉริยะเพื่อแสดงผลแจ้งเตือนในสมาร์ทโฟนมาที่หน้าจอของ fenix 5 ได้ด้วย โดยรองรับแสดงผลภาษาไทยเต็มรูปแบบ อ่านรู้เรื่องไม่เป็นตัวอักษรต่างดาว หรือถ้าหากมีสายโทรเข้าก็สามารถกดรับหรือตัดสาย และยังมีคำสั่งไว้ควบคุมแอพเล่นเพลงในสมาร์ทโฟน สำหรับใครที่ชอบฟังเพลงระหว่างออกกำลังกาย ก็พกมือถือไว้ในกระเป๋าแล้วกดสั่งเปลี่ยนเพลงจาก fenix 5 ได้เลย
สรุป รีวิว Garmin fenix 5
ในรุ่นนี้ถือว่าการ์มินพัฒนาหลายๆ อย่างจนมาถึงจุดที่ค่อนข้างลงตัว ทั้งเรื่องของดีไซน์และขนาดเรือนที่มีให้เลือกได้หลายไซส์ ประสิทธิภาพของอุปกรณ์ที่เพียงพอและพร้อมสำหรับกีฬาทุกประเภท กีฬาหลักทั้งวิ่ง , ปั่น , ว่ายน้ำ , ไตรกีฬา ฯลฯ มีครบถ้วน ส่วนฟีเจอร์สำหรับการออกกำลังกายอื่นๆ ก็มีการเก็บค่าพร้อมวิเคราะห์ให้อย่างละเอียด ชนิดที่ว่าพอคุณสวม fenix 5 แล้วเห็นบรรดากิจกรรมที่มันรองรับได้ จากที่แค่ปั่นจักรยานอย่างเดียว คุณจะรู้สึกว่า เฮ้ย ! ลองวิ่งบ้างดีกว่า เอ๊ะ ! ว่ายน้ำก็น่าสนุก อ๊ะ ! วิ่งเทรลก็น่าตื่นเต้น สุดท้ายคุณอาจจะมารู้สึกตัวอีกทีตอนที่กำลังลงแข่งไตรกีฬาก็ได้
ลูกเล่นในความเป็นนาฬิกาสมาร์ทวอท์ชก็ทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ การเปลี่ยนหน้าจอที่มีให้ดาวน์โหลดจาก Store ของ IQ Connect หรือจะหารูปมาทำเองผ่านแอพ Face It ก็ทำได้ง่าย มีโหลดแอพพลิเคชั่น , วิดเจ็ท และดาต้าฟิลด์เพื่อใช้เสริมการใช้งานได้หลากหลาย การเชื่อมต่อทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนทำได้ดี การแจ้งเตือนสามารถแสดงผลภาษาไทยได้ ใช้ควบคุมเล่นเพลงในมือถือได้ ฯลฯ และดีไซน์ตัวเรือนที่สวยงาม เปลี่ยนสายได้หลายแบบ ทำให้เราสวมใส่ได้ทุกโอกาสไม่จำเป็นว่าต้องเฉพาะตอนเล่นกีฬาเท่านั้น และสุดท้ายคือความอึดของแบตฯ ที่ใช้ได้นานหลายวัน ไม่ต้องมาลุ้นว่าใช้ๆ อยู่แบตจะหมดกลางคันหรือไม่
แต่ถึงแม้ว่า Garmin fenix 5 จะทำได้สารพัดอย่างครอบจักรวาล เชื่อว่าสิ่งที่ทำให้หลายๆ คนหยุดเอี้ยดคิดก่อนซื้อก็คือเรื่องของราคา เพราะว่า fenix 5 นั้นถือว่าเป็นสินค้านาฬิกาในระดับพรีเมี่ยม ราคานั้นจึงอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง โดยราคาที่ทาง GIS เปิดมาสำหรับประเทศไทยมีดังนี้
Garmin fenix 5 และ fenix 5s รุ่นมาตรฐาน ราคา 23,500 บาท
Garmin fenix 5 และ fenix 5s รุ่น Sapphire ราคา 25,900 บาท
Garmin fenix 5x รุ่น Sapphire ราคา 27,900 บาท
ดังนั้นต้องกลับมาถามตัวของเราเองก่อนว่า ต้องการใช้งานมันคุ้มค่าขนาดไหน ถ้าแบบว่าไลฟ์สไตล์คุณคือนักปั่นที่ลำพังแค่ออกไปปั่นอย่างเดียวก็ไม่เหลือเวลาไปเล่นอย่างอื่นแล้ว ก็คงไม่เหมาะที่จะซื้อมาใช้ แต่ถ้าคุณคิดว่าอยากจะเล่นกีฬาหลายๆ อย่าง และคิดเรื่องพัฒนาการในการออกกำลังกาย ไม่ว่าจะลดน้ำหนัก สร้างกล้ามเนื้อ หรือว่าอยากจะอัพตัวเองไปเล่นกีฬาอื่นๆ นาฬิกามัลติสปอร์ตถือว่าเป็นผู้ช่วยที่น่าสนใจ แล้วยังได้เรื่องของความสวยงาม แถมเป็น Activiity Tracker ด้วย Garmin fenix 5 ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกแบบ “ เจ็บแต่จบ ” ทีเดียวไปเลย