รีวิว Girl Don’t Cry มุมมืดของ BNK48 คราบน้ำตาในโลกที่ไม่เสมอภาค

รีวิว Girl Don’t Cry BNK48

Girl Don’t Cry ภาพยนตร์แนว Documentary เรื่องล่าสุดของผู้กำกับจอมทุบตึกอย่าง เต๋อ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ที่เป็นการเล่าเรื่องราวของสมาชิก BNK48 วงไอดอลที่ประสบความสำเร็จที่สุดในช่วงเวลานี้ หนังความยาว 1.50 ชั่วโมง ที่ถ่ายทอดความรู้สึกและสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อนว่า หลังฉากของชุดกระโปรงสุ่มสีรุ้ง พวกเธอคิดอะไรกัน เจอกับอะไร และต้องต่อสู้กับอะไร

Girl Don’t Cry คือหนังชีวิตวัยรุ่น 26 คน ที่เกิดขึ้นใน Timeline เดียวกัน แต่อยู่ต่างมุมมอง สะท้อนถึงความจริงของโลกที่เราต้องยอมรับ

ที่ผ่านมาคนส่วนใหญ่จะรู้จัก BNK48 ที่เป็นภาพของเด็กสาวสดใสน่ารัก มายืนกันหลายๆ คนแล้วร้องเต้นเพลงที่แปลงมาจากต้นฉบับของญี่ปุ่น รวมถึงหลากหลายวัฒนธรรมใหม่สำหรับสังคมไทยที่มีต่อไอดอล ทั้งกิจกรรม “จับมือ” การตามเชียร์หรือคอยสนับสนุนวงแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนในไทย

ตัวหนังเล่าเรื่องราวของวง BNK48 ตั้งแต่การ Audition เข้ามาของสมาชิก 30 คนแรก จนถึงช่วงออกซิงเกิ้ลที่ 3 ” Shonichi” และมีคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกตอนต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ฉากเกินครึ่งของเรื่อง คือการที่สมาชิกแต่ละคนเล่าเรื่องราวของตัวเองในไทมไลน์นั้นๆ และมาตัดนำเสนอที่แตกต่างกัน ในแต่ละบุคคล ซึ่งทั้ง 26 คน ก็มีมุมมองที่ต่างไป ตามสถานภาพและ “ชนชั้น” ที่พวกเธออยู่

ภาพลักษณ์ของวง BNK48 ที่นำเสนอถึงความไม่สมบูรณ์แบบของสมาชิกที่คัดเลือกมา และมาฝึกฝนพัฒนาจนเดบิวเป็นศิลปิน แต่ละคนต้องเจอบทเรียนชีวิตที่ต้องตัดสินใจ ทั้งการพยายาม การพัฒนาตัวเอง การแข่งขันกับเพื่อน ความลังเลสงสัยและไม่มั่นใจในสิ่งที่ทำ เราจะได้เห็นการแสดงความรู้สึก และ พูดออกมาตรงๆ ของเด็กๆ ที่มีหลายสิ่งเราก็ไม่นึกว่าเธอคิดหรือรู้สึกอะไร แต่นี่คือครั้งแรกที่เราจะได้รู้

ภาพที่ปรากฎในหนังนอกจากซีนการพูดกับกล้องของเมมเบอร์แต่ละคน ก็จะมีภาพทั้งสมัยเดบิว (ของทาง BNK48 Office) และภาพที่ทางเต๋อมาตามเก็บจากน้องๆ ต้องแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว หลายซีนส่วนใหญ่ถ้าเป็นคนตามวงแบบจริงๆ จังๆ ก็อาจจะเห็นผ่านตามาบ้างแล้ว แต่ก็มีหลายซีนที่เต๋อสร้างความสะเทือนใจให้ผู้ชมได้อย่างรุนแรง

ในเรื่องเป็นมุมมองจากเมมเบอร์รุ่น 1 ทั้ง 26 คน ที่ถ่ายทอดความรู้สึกของตัวเองในช่วงเวลาต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในวง ความรู้สึกของการมาออดิชั่น การฝึกซ้อม ความผิดหวัง การหาตัวตน วิธีการเอาตัวรอดและแข่งขันกันภายในวง ฯลฯ

ทั้งเรื่องเป็นการเล่าของ 26 คน ไม่มีจากทางผู้ใหญ่ของวง ความรู้สึกคุณจึงเหมือนเป็นอาจารย์แนะแนว ที่มีเด็กๆ ในห้องเรียนมาระบายเรื่องอึดอัด หรือความสับสนที่เขาต้องเผชิญ

รีวิว Girl Don’t Cry BNK48

ในหนังเราจะเจอกับเรื่องอะไรที่ไม่คาดคิดบ้าง (สปอยด์เนื้อหาบางส่วน แต่ไม่บอกว่าใครเป็นคนพูด)

  • สมาชิกคนนึง เคยเป็นทอมมาก่อนที่จะมาเข้าวง
  • เคยมีสมาชิกที่คิดจะโกงยอด Like ผู้ติดตาม Instagram ด้วยการจ่ายเงินซื้อยอด Like ปลอมเพื่อให้ตัวเองมีอันดับที่สูงขึ้น
  • มีสมาชิกคนนึงรู้สึกเบื่อหน้าเฌอปราง ที่ได้ออกสื่อเยอะมาก ถึงขั้นไม่อยากเปิด Facebook เพราะเปิดขึ้นมาแล้วเห็นแต่รูปเฌอปรางเต็มฟีด
  • มีสมาชิกที่พยายามฝึกซ้อมอย่างหนัก ขนาดที่ว่าตัวเองไม่ได้ติดเซ็มบัตสึเพลงนั้น แต่ก็ยังแอบซ้อมเต้นตามจากข้างๆ เวที
  • มีสมาชิกที่ต้องเดิมพันกับการติดเซ็มบัตสึในซิงเกิ้ลแรก จากแรงกดดันจากครอบครัวว่าถ้าไม่ติดก็ให้เลิก (แต่เธอติดจึงยังเป็นสมาชิกอยู่ทุกวันนี้)
  • เราได้รู้ว่า BNK48 Office ช่วงก่อนจะปล่อยเพลง คุกกี้เสี่ยงทาย อยู่ในสภาพที่ใกล้จะถังแตกแล้ว
  • มีสมาชิกแถวหน้าของวง มีความคิดว่า ถ้าหากเพลง Koisuru Fortune Cookie ไม่ดัง ก็อาจจะแกรดออกจากวง
  • สิ่งที่อยู่ในเทรลเลอร์ โกหกเราหลายอย่าง 5555555

รีวิว Girl Don’t Cry BNK48

ไม่รู้จัก BNK48 จะดูเรื่องนี้รู้เรื่องมั้ย?

หากคุณโอชิใครอยู่ ดูแล้วคุณจะรู้สึกรักน้องมากขึ้น ส่วนสาย DD นั้นเชื่อว่ามีน้ำตาแตกกันได้ วันนี้ที่ผมนั่งดูรอบกาล่าฯ มีเสียงสะอื้นฮั่กๆ อยู่เป็นระยะๆ แต่ถ้ารู้จักเพียงแค่ผ่านๆ  เต๋อเองก็มีวิธีการเล่าเรื่องราวและ “ความเป็นตัวตน” และ “จุดยืน” ของเมมเบอร์แต่ละคนให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น

เอาเป็นว่าถ้าเป็นโอตะจะรู้สึกอินได้มากกว่า ถ้าไม่รู้จักเลย ก็คิดซะว่า นี่คือหนังวัยรุ่นที่เราจะได้รู้ปัญหา แนวคิด และการใช้ชีวิตในสถานะที่ตัวเองถูกกำหนดได้อย่างไร และมีวิธีอย่างไรที่จะทำให้ตัวเองไปอยู่ในที่ๆ ตัวเองอยากไป

จริงๆ คนที่ไม่ใช่โอตะดูหนัง Girl Don’t Cry น่าจะมีอารมณ์สนุกกว่าคนที่ตาม BNK48 ด้วยซ้ำ เพราะช่วงต้นๆ ของหนังนั้น ส่วนใหญ่จะใช้ฟุตเทจเก่าๆ ที่มีเผยแพร่ผ่านรายการทีวีและ YOUTUBE มาก่อนแล้ว เป็นภาพที่โอตะเคยเห็นมานานแล้วเลยอาจจะไม่รู้สึกตื่นเต้น

รีวิว Girl Don’t Cry BNK48

ดู Girl Don’t Cry จบแล้วได้อะไร?

ไม่ต้องหวังหาซีนฟินๆ หรือเซอร์วิสโอตะ เพราะมันไม่มีเลยแม้แต่วินาทีเดียวในหนังนี้ เราจะได้เห็นภาพในมุมความเป็นมนุษย์ธรรมดาของเมมเบอร์ และเต๋อมีวิธีการขยี้คำตอบของเมมเบอร์แต่ละคนออกมาได้จังหวะจะโคนที่ดี เอาเรื่องเครียดๆ มาทำให้คนหัวเราะครืนทั้งโรงได้อยู่หลายครั้ง และก็มีภาพสั้นๆ ไม่กี่วินาทีก็สตั้นท์ความรู้สึกจนจุกอกได้เลยก็มี

ที่ผ่านมา เหล่าโอตะที่ติดตาม ก็มักจะมองเรื่องพลังบวกที่ได้รับจากวง แต่หลายคนก็ลืมคิดไปว่า อ้าว! แล้วพลังลบมันหายไปไหน? ใช่ครับ… เด็กๆ แต่ละคนที่ส่งพลังบวกอันสดใสให้กับแฟนๆ ต่างต้องเผชิญกับพลังลบและแรงเสียดทานมากมาย

ในหนัง เฌอปรางได้พูดถึง “ความไม่เสมอภาคของโลกใบนี้” ที่รู้สึกโดนใจผมมากที่สุด มันคือเรื่องจริงที่เราต้องยอมรับ มนุษย์เรามีความแตกต่าง และต้องเข้าใจว่าทุกคนอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างกัน คนที่อยู่ที่สูงก็ไม่รู้ว่าคนอยู่ก้นหลุมนั้นรู้สึกอย่างไร ส่วนคนที่ไม่มีใครสนใจจดจำ ก็อาจจะไม่เข้าใจว่าการยืนท่ามกลางแสงไฟและสายตาจ้องมอง ต้องเผชิญกับอะไร

เรารู้สึกได้ว่า เด็กพวกนี้ ความคิดโตเกินกว่าอายุของพวกเธอมาก ด้วยตำแหน่งที่ทำคือการทำงานจริงๆ ต้องมีความรับผิดชอบ แต่ด้วยความที่ยังเป็นเด็กจึงพูดออกมาได้แบบไม่ต้องเกรงใจอะไร จนบางครั้งก็ทำให้ผู้ใหญ่มองกลับไปดูตัวเองว่าถ้าเราต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น เราจะตัดสินใจอย่างไร?

เชื่อว่าสิ่งที่อยู่ในหนัง Girl Don’t Cry ที่ออกฉาย ยังมีอีกหลายเรื่องที่เมมเบอร์พูดแล้วเอามาเผยแพร่ไม่ได้ ทั้งหมดในหนังนี้ อาจจะเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวยอดภูเขาน้ำแข็งพ้นน้ำอย่างที่เจนนิษฐ์บอกก็เป็นได้

แต่ความจริงที่เกิดขึ้นใน BNK48 นั้น ก็ไม่แตกต่างอะไรจากสังคมอื่นๆ ที่เราอยู่ ทั้งสังคมวัยเรียน วัยทำงาน เราถูกปลูกฝังให้พยายาม ทำให้ดีที่สุด ผลักดันให้ต้องแข่งขันตลอดเวลา แต่สุดท้ายมันก็ไม่ใช่หลักประกันว่า คนที่ชนะหรือเก่งสุดจะได้รับโอกาส คนเรียนเก่งเกรดดี ก็ไม่ใช่ว่าจะสมัครงานแล้วได้รับเลือก คนทำงานเก่งก็ใช่ว่าจะได้รับการโปรโมท

ความแตกต่างของผู้คนในสังคม ที่สุดท้ายมันก็มี “ชนชั้น” เกิดขึ้นมาอย่างที่แก้ไม่ได้ แต่สุดท้ายเราจะใช้วิธีอะไรที่จะอยู่ในสังคมนั้น จะเปลี่ยนชนชั้นของตัวเองด้วยวิธีการอย่างไร? หรือแม้แต่การอยู่อย่างมีความสุขในชนชั้นนั้นๆ

“เพราะโลกนี้มันไม่มีหรอก ความเสมอภาค มันเป็น FACT ที่ทุกคนต้องยอมรับ”

หมายเหตุ : เนื้อหาอารมณ์อาจจะดูดาร์ก แต่หนังมาจากจักรวาลมาเวล เพราะมีต้องรอดูหลังจบ End Credit

ขอบคุณ : Samsung Mobile Thailand สำหรับที่นั่งชมรอบกาล่าฯ ที่ทำให้เรามีโอกาสชมรอบปฐมทัศน์พร้อมกับสมาชิก BNK48 ทั้ง 53 คน มีบรรยากาศเสียงฮือ ว้าว เป็นจังหวะๆ เสมือนว่าพวกเธอมานั่งดูวิดีโองานเลี้ยงรุ่น แล้วอย่าลืมอุดหนุน Samsung Galaxy J8 ไอดอลสมาร์ทโฟนสำหรับโอตะตัวจริง