คลังเก็บป้ายกำกับ: AmazFit

Xiaomi AmazFit Pace นาฬิกาวิ่ง ออกกำลังกาย ราคาถูกและคุ้มที่สุด

แนะนำ นาฬิกา GPS สำหรับวิ่งออกกำลังกายปั่นจักรยาน ที่เน้นเรื่องราคาถูก และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือ Xiaomi AmazFit Pace ที่เห็นชื่อของเสี่ยวมี่ ที่ขึ้นชื่อเรื่องอุปกรณ์เทคโนโลยีล้ำสมัย แต่ว่าราคาจะถูกสุดในท้องตลาด โดยเจ้า AmazFit Pace ตัวนี้ผมสั่งมาจากต่างประเทศผ่านทางเว็บ gearbest.com ในราคาประมาณ 4,000 บาทเท่านั้น

ตอนนี้อุปกรณ์ประเภทนาฬิกาสำหรับออกกำลังกาย ได้กลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนที่ชอบเล่นกีฬา โดยเฉพาะ วิ่ง, ปั่นจักรยาน หรือเล่นฟิตเนสไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยความสามารถที่ช่วยเก็บข้อมูลการออกกำลังกาย มาทำสถิติและประเมินผล ถือว่ามีประโยชน์มากสำหรับคนที่ต้องการจริงจังกับการวิ่งและปั่นจักรยาน เพราะเราสามารถรู้ข้อมูลได้มากกว่าแค่ว่า เราวิ่งไปกี่นาที หรือว่าปั่นจักรยานเป็นระยะทางเท่าไร แต่เราได้ข้อมูลอย่างเช่น ความเร็วต่อรอบ, อัตราการเต้นของหัวใจ ฯลฯ มาประมวลทางวิทยาศาสตร์การกีฬา ทำให้เรารู้ว่าการออกกำลังกายของเรามีประสิทธิภาพดีแค่ไหน? ต้องปรับปรุงส่วนใดหรือไม่ รวมถึงเอาไว้จัดโปรแกรมการฝึกซ้อมเพื่อเพิ่มสมรรถภาพให้ดียิ่งขึ้น

ก่อนหน้านี้ผมก็มีแนะนำนาฬิกา GPS ไว้หลายรุ่นหลายแบรนด์ แต่ก็จะมีคนมักมาถามว่ามีแบบที่ราคาไม่สูงมาก แต่ใช้งานได้ครบถ้วนแม่นยำหรือเปล่า?” หลายคนที่วิ่งหรือปั่นจักรยานเองก็ยังมองว่า นาฬิกา GPS ที่ส่วนใหญ่ราคาจะอยู่ที่หลักพันปลายๆ ขึ้นไปจนถึงหลักหมื่นบาท จะเป็นการลงทุนกับอุปกรณ์สูงไปหน่อย

แกะกล่อง Xiaomi AmazFit Pace

มาดูที่ตัวเรือนกันก่อนเลย การออกแบบนั้นจะเป็นลักษณะนาฬิกาตัวเรือนหน้าปัดวงกลม ตัวกรอบหน้าปัดใช้วัสดุเป็นเซรามิคที่มีความแข็งแกร่งแต่น้ำหนักเบา โดยน้ำหนักรวมสายแล้วจะอยู่ที่ 54 กรัมเท่านั้น

หน้าจอสามารถควบคุมด้วยระบบสัมผัส โดยที่ด้านข้างจะมีปุ่มสำหรับกดเพื่อปลดล็อค หน้าจอขนาด 1.34 นิ้วความละเอียด 320 x 300 พิกเซล เป็น LCD ที่ออกแบบมาให้สามารถแสดงผลเวลาออกกลางแดดได้ชัดเจน โดยจะมีไฟ Backlit เพื่อเปิดดูเวลากลางคืนได้ด้วย ส่วนตัวกระจกหน้าปัดใช้เป็น Gorilla Glass ที่ทนต่อการขูดขีดได้

ตัวเรือนมีขนาด 45 x 45 มิลลิเมตร และหนา 12 มิลลิเมตร สามารถกันน้ำกันฝุ่นได้มาตราน IP67 คือสามารถลงน้ำได้ลึก 1 เมตรได้ไม่เกิน 30 นาที ส่วนตัวสายวัสดุเป็นยางซิลิโคน แบบสี 2 โทน ขนาดมาตรฐาน 22 มิลลิเมตร ที่เลือกเปลี่ยนสายกับสายนาฬิกาทั่วไปในท้องตลาดได้

ด้านหลังของตัวเรือนจะมีเซนเซอร์สำหรับวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Monitor) แบบแสง ภายในมีแบตเตอรี่แบบ Lithium Polymer ความจุ 280 mAh ใช้เวลาในการชาร์จจนเต็มประมาณ 2-3 ชั่วโมง โดยในกล่องแพ็คเกจจะมีตัวแท่นสำหรับชาร์จแบตเตอรี่ เอาไว้มาประกบกับตัวเรือน แล้วเอาสาย Micro USB เสียบชาร์จได้เลย

เรื่องของรูปร่างหน้าตา และการออกแบบตัวเรือน ดูแล้วเรียบๆ แต่ว่าสวยงาม คือถ้าไม่ใส่ออกกำลังกาย ก็ยังใส่เป็นนาฬิกาปกติที่ใส่ได้กับทุกโอกาส วัสดุและการประกอบถือว่าปราณีตสวยงาม

สเปคภายใน

ดูภายนอกแล้วมาดูสเปคภายในกันบ้าง ตัวหน่วยประมวลผลใช้เป็นแบบ Dual-core พร้อม RAM 512MB ทำงานตอบสนองคำสั่งต่างๆ ได้ค่อนข้างเร็ว มีหน่วยความจำภายในสำหรับบันทึกข้อมูลได้ 4GB การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ผ่าน Bluetooth 4.0 รองรับ Wi-Fi เพื่อโอนย้ายข้อมูล เชื่อมต่อเพื่อทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนได้ทั้งระบบ Android (เวอร์ชั่น 4.4 ขึ้นไป) และ iOS (ตั้งแต่เวอร์ชั่น 8.0 ขึ้นไป)

ฟีเจอร์เด่น และความสามารถที่น่าสนใจ

เอาล่ะ! ทีนี้จะมาเล่าทีละความสามารถของนาฬิการุ่นนี้กัน ที่ตอนแรกเห็นว่าราคาไม่แพงมาก อาจจะทำอะไรได้ไม่เยอะ แต่พอลองทดสอบแล้วต้องบอกว่า ลูกเล่นแพรวพราวไม่น้อยหน้านาฬิกายี่ห้ออื่นในตลาดที่ราคาหมื่นกว่าบาทกันได้เลย เพราะสามารถใช้งานในด้านเล่นกีฬาต่างๆ ได้ครบถ้วน แถมยังใช้เป็นนาฬิกาอัจฉริยะ Smart watch ทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนได้อย่างลงตัว

การทำงานเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน

ก่อนจะเริ่มใช้งาน ให้ทำการติดตั้งแอพพลิเคชั่น Amazfit Watch ในมือถือของคุณให้เรียบร้อย เมื่อเปิดตัวนาฬิกาให้ทำงาน มันจะแสดง QR code ขึ้นมา ให้เราเปิดแอพ Amazfit ขึ้นมาเพื่อทำการสแกนโค้ด ระบบก็จะเชื่อมต่อจับคู่นาฬิกากับมือถือของเราทันที

จากนั้นก็ทำการสมัครลงทะเบียนการใช้งานภายในแอพ กรอกรายละเอียดข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ทั้งเพศ, อายุ,ส่วนสูง, น้ำหนัก เพื่อที่ระบบจะได้ประเมินค่าต่างๆ อาทิ ระยะก้าวเดิน, โซนของอัตราการเต้นของหัวใจให้

รองรับการบันทึกข้อมูลการเล่นกีฬาได้หลายประเภท

หัวใจหลักสำคัญของนาฬิกา GPS ออกกำลังกาย ก็คือการใช้เพื่อบันทึกข้อมูลกิจกรรมการเล่นกีฬาของเรา AmazFit Pace นั้นไม่ได้รองรับเฉพาะการวิ่งเพียงอย่างเดียว แต่ยังเก็บข้อมูลการออกกำลังกายอื่นๆ ได้อีก เช่น ปั่นจักรยาน, เดิน, วิ่งในร่ม (วิ่งเทรดมิลล์), ปั่นจักรยานในร่ม, ปีนเขา, วิ่งเทรล, เครื่อง Elliptical เรียกได้ว่ารองรับครอบคลุมได้หลายหลาย

ความละเอียดของการเก็บข้อมูลนั้น มีตั้งแต่เบื้องต้นอย่างระยะทาง, เวลา, แคลอรี่ที่เผาผลาญ, ความเร็วเฉลี่ย (PACE) อัตราการเต้นของหัวใจ ที่บอกทั้งค่าเฉลี่ย, อัตราการเต้นสูงสุด และ Heart Rate Zone ที่บอกให้เรียบร้อยว่าระหว่างที่ออกกำลังกาย HR ของเราอยู่โซนไหนนานแค่นไหน นอกจากนี้ยังประเมินเกี่ยวกับรอบขาในการวิ่งเดิน, ระยะก้าว และจำนวนก้าวต่อนาทีให้ได้ด้วย

ข้อมูลหลังจากที่ออกกำลังกายเสร็จแล้ว จะถูก Sync เข้ามาในตัวแอพ Amazfit Watch ให้เราดูข้อมูลการออกกำลังกายย้อนหลังได้แบบละเอียด มีการวาดกราฟค่าต่างๆ ให้ และยังมีเส้นทางแผนที่ๆ เราวิ่งหรือปั่นไปให้ด้วย

แจ้งเตือน Heart Rate ระหว่างเล่นกีฬา

เป็นฟีเจอร์ที่คนชอบวิ่งและปั่นจักรยานทุกคนต้องการ กับระบบการแจ้งเตือนเกี่ยวกับอัตราการเต้นของหัวใจระหว่างที่กำลังออกกำลังกาย ซึ่งเราต้องการให้มีการเตือน 2 แบบหลักๆ ด้วยกันคือ

  1. การเตือนเมื่อ Heart Rate ของเราขึ้นไปถึงโซนที่อันตราย ระบบจะตั้งค่าโซนของ HR เราให้อัตโนมัติตามความเหมาะสมของอายุผู้ใช้ เราเลือกได้ว่าจะให้นาฬิกาเตือนเราว่า การเต้นของหัวใจเราอยู่ในระดับอันตรายแล้วได้ เพื่อที่ให้เราได้ระวังตัวและลดการออกกำลังกายลง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการบาดเจ็บ หรือรุนแรงถึงขึ้นหัวใจล้มเหลวระหว่างวิ่งหรือปั่นได้
  2. แจ้งเตือนเมื่อเราเข้าสู่ออกจาก Heart Rate Zone ที่ต้องการ อย่างเช่นถ้าเราต้องการเน้นออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก ก็เลือกตั้งค่าให้เตือนบอกเรา ให้อยู่ในระยะ Zone 2 (Fat Burn) เพื่อให้คุมให้ร่างกายได้รับการออกกำลังกายและได้ผลที่ตนเองต้องการ

โหลดแผนที่สำหรับนำทางได้

ใน Setting ของการวิ่งนั้น จะมีเมนู Trail Map ที่เราสามารถโหลดเอาไฟล์ .gpx ที่เป็นข้อมูลเส้นทางตามพิกัดแผนที่มาไว้ในตัวนาฬิกาเพื่อใช้เป็นไกด์เส้นทางในการวิ่งได้ มีประโยชน์มากกรณีที่เป็นการวิ่งเทรล ซึ่งจะเป็นการวิ่งในภูมิประเทศ ไม่ได้เป็นบนถนน แผนที่นำทางจึงเป็นเรื่องสำคัญที่มองข้ามไม่ได้

โดยการใส่ไฟล์ .gpx จะทำได้โดยการเสียบนาฬิกาต่อกับคอมพิวเตอร์ แล้วโยนไฟล์เข้ามาไว้ในโฟลเดอร์ เราก็จะสามารถเลือกเปิดแผนที่ในนาฬิกาได้เลย

เป็น Activity Tracker เก็บข้อมูลการเคลื่อนไหวตลอดทั้งวัน

เราสามารถสวมใส่ AmazFit Pace ได้ตลอดทั้งวัน เพื่อใช้งานเป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลการเคลื่อนไหวได้ ทั้งจำนวนก้าวเดิน, การขึ้นบันได, ระยะทางที่เดิน, แคลอรี่ที่เผาผลาญ ใช้งานเป็น Tracker เพื่อสุขภาพได้ด้วย มีระบบการสั่นแจ้งเตือน เวลาที่นั่งทำงานเป็นเวลานานๆ เพื่อให้ลุกยืดเส้นยืดสาย คลายอาการปวดเมื่อยจาก Officesyndrome

Sleep Tracker วัดคุณภาพการนอนหลับ

นอกจากติดตามข้อมูลตลอดวัน ใส่นอนก็ยังเก็บข้อมูลการหลับให้เราด้วย AmazFit Pace สามารถเก็บข้อมูลเวลาการนอนของเรา, เวลาที่หลับสนิทหรือหลับตื้นได้ และระบบเก็บข้อมูลเป็นแบบอัตโนมัติที่ไม่ต้องกดเริ่มหรือหยุดการบันทึกเอง

Heart Rate Monitor เก็บข้อมูลอัตราการเต้นของหัวใจ

การวัดอัตราการเต้นของหัวใจนั้น ค่ามาตรฐานของ AmazFit Pace จะวัดเป็นช่วงเวลา ไม่ได้ตลอดเวลา ถ้าใครอยากได้แบบตลอดเวลา Continuous ตลอด 24 ชั่วโมงก็สามารถปรับตั้งได้ แต่ก็จะมีผลกับอายุแบตเตอรี่ที่จะหมดเร็วกว่าเดิม

และระหว่างวันก็เลือกที่จะกดสั่งให้เก็บข้อมูลอัตราการเต้นทันทีได้เช่นกัน โดยเปิดเมนูในนาฬิกาแล้วกดสั่งให้วัดตอนนั้นได้เลย แล้วเราก็สามารถดูสถิติกราฟของ HR ย้อนหลังได้อีกด้วย

มี Utility เสริมหลายอย่างในระบบ

AmazFit Pace มีใส่ฟีเจอร์ความสามารถพิเศษย่อยๆ อีกหลายอย่างมาให้ใช้ได้ เวลาการเรียกเมนูบนนาฬิกา เราต้องกดปุ่มด้านข้างก่อนเพื่อปลดล็อคจอ จากนั้นก็แตะแล้วปัดไปด้านข้างเพื่อเลือกเมนูต่างๆ โดยตัว Utility ที่ให้มานั้นจะมี

  • Alarm ตั้งเวลาปลุก โดยจะเป็นลักษณะของการสั่นเตือน
  • Weather เช็คข้อมูลสภาพอากาศ (โดยจะต้องทำการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนอยู่ด้วย)
  • Compass เข็มทิศดิจิตอล การใช้จะต้องทำการปรับค่าวัด Calibate ก่อนเพื่อความแม่นยำ
  • Stopwatch นาฬิกาจับเวลา ที่เลือกจับเป็นแบบ set หลายๆ set ได้ด้วย
  • Timer ตั้งเวลานับถอยหลัง

โหลดเพลงเอาไว้ฟังได้กว่า 500 เพลง

ในตัวของมันนั้น มีหน่วยความจำภายในตัวให้มาด้วย 4GB บางคนอาจจะงงว่ามีเอาไว้เพื่ออะไร นอกจากจะเอาไว้บันทึกข้อมูลการเล่นกีฬาหรือ Activity ในแต่ละวันแล้ว เรายังเอาไว้ใส่เพลงได้ด้วย จากปริมาณความจุนี้ เราสามารถใส่ไว้ได้เยอะถึง 500 เพลงเลยทีเดียว

เมื่อใส่เพลงไว้แล้ว เราจะใช้ฟังเพลงโดยตรงจากตัว AmazFit Pace ได้เลย โดยการใช้หูฟังไร้สายแบบ Bluetooth สั่งจับคู่แล้วเลือกเข้าโหมด Music แล้วกดเล่นเพลงได้เลย

คราวนี้คุณก็สามารถไปวิ่งแบบไม่ต้องพกโทรศัพท์ไป และฟังเพลงคลอเพลินๆ ระหว่างวิ่งไปจากตัว AmazFit Pace ได้แบบสบายๆ อันนี้ถือว่าค่อนข้างน่าประทับใจ เพราะฟีเจอร์นี้ ถ้าเทียบกับนาฬิกาแบรนด์อื่นนี่ ต้องเป็นรุ่นราคาเกินหมื่นถึงจะใส่มาให้

หน้าปัดแสดงผลที่เลือกปรับได้หลายแบบหลายสไตล์ตามใจชอบ

ตัวระบบเราเลือกเปลี่ยนดีไซน์ของหน้าปัดนาฬิกาได้ จะมีรูปแบบให้เลือกได้ทั้งหมด 21 แบบด้วยกัน การเปลี่ยนสามารถเลือกเปลี่ยนจากในตัว AmazFit Pace เองเลยก็ได้ หรือจะเข้าไปในแอพแล้วเลือกเปลื่ยนก็ได้เช่นกัน

สำหรับการปรับจากในตัวนาฬิกาเอง ในบางแบบนั้นจะสามารถปรับ Customize เปลี่ยนตัวการแสดงข้อมูลตามใจชอบ หรือจะเลือกโหลดภาพจากในมือถือมาโชว์บนนาฬิกาก็ได้ด้วยเช่นกัน

ปัจจุบันยังไม่มีให้ดาวน์โหลดแบบเพิ่มได้ แต่ใน 21 แบบที่ให้มานี้ก็ถือว่าค่อนข้างเพียงพอ และเปิดให้ปรับค่าเองได้ก็ถือว่าสะดวกในการใช้งานอยู่

อัพโหลดข้อมูลการเล่นกีฬาได้ผ่านทาง Wi-Fi

ไม่คิดว่าจะมีมาให้ในนาฬิกา GPS ราคา 4 พันกว่าบาท เราเลือกตั้งค่าให้ AmazFit Pace เชื่อมต่อกับ WiFi Hotspot ได้ ประโยชน์คือเราสั่งให้นาฬิกาทำการอัพโหลดข้อมูลขึ้นสู่ระบบเราตรงทันทีโดยไม่ต้องเข้าไปกดสั่งในแอพบนสมาร์ทโฟน สมมติว่าเราตั้งค่าเชื่อมต่อกับไวไฟที่บ้านไว้ ตกเย็นถืงบ้านมา มันก็จะ sync ข้อมูลให้เองทันที

เชื่อมต่อข้อมูลกับ Strava ได้

นอกจากจะเก็บข้อมูลการเล่นกีฬาไว้ในนาฬิกาและในแอพ Amazfit Watch แล้ว เรายังสามารถล็อคอินเพื่อผูกบัญชี Strava ได้ด้วย สำหรับคนที่มีเพื่อนเล่น Strava อยู่ก็ถือว่าสะดวกดี

คำนวนค่า Dynamic ของการออกกำลังกายให้

อีกฟีเจอร์นี้ถือว่าค่อนข้างเซอร์ไพรส์ กับระบบคำนวนค่า VO2max ที่บอกว่าสมรรถภาพของเรามีอัตราสูงสุดในการนำออกซิเจนเข้าร่างกายได้เท่าไร และ Training Load ที่วัดระดับการฝึกของคุณใน 7 วันที่ผ่านมา แล้วเอาข้อมูลการเต้นของหัวใจระหว่างออกกำลังกายมาวัดเป็นค่าความหนักของการฝึกซ้อม (EPOC)

สำหรับ VO2max และ Training Load ถือว่าเป็นการวัดค่าการออกกำลังกายที่สำคัญ สำหรับคนที่เล่นกีฬาอย่างเป็นประจำ และต้องการวัดดูว่าความฟิตของร่างกายอยู่ในระดับใด รวมถึงประเมินความหนักในการเล่นกีฬาของตัวเองไม่ให้หนักจนอาจจะทำให้ร่างกายได้รับผลกระทบจนอาจจะต้องบาดเจ็บก็ได้

Training Center วางแผนการฝึกซ้อมให้

ลูกเล่นที่น่าสนใจและแนะนำให้คนชอบวิ่งได้ลองใช้กันคือ ระบบจัดแผนการฝึกซ้อมให้  โหมดนี้อาจจะไม่ได้มีให้เลือกหลากหลายมาก คือการจัดปฎิทินการซ้อมวิ่งให้เรา ที่เลือกได้ตั้งแต่ระดับเริ่มต้น ไต่ขึ้นไปเป็น 5K, 10K, ฮาล์ฟ มาราธอน ไปจนถึงมาราธอนกันเลย

การใช้งานเป็น Smart Watch

เมื่อใช้งานเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ก็จะแสดงผลการแจ้งเตือนจากแอพต่างๆ มาที่นาฬิกา หรือจะเลือกกดรับสายหรือตัดสายเวลาที่มีสายโทรเข้ามาได้ อีกทั้งเวลาที่เเปิดแอพเล่นเพลงในมือถือ เราเลือกคำสั่ง Music เพื่อควบคุมการเล่นเพลงจากนาฬิกาได้อีกด้วย

สรุป : Xiaomi AmazFit Pace เหมาะสำหรับใคร? คุ้มค่าแค่ไหน?

หลังจากสาธยายฟีเจอร์หลักๆ ที่สำคัญทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว บอกเลยว่า ด้วยราคาค่าตัวประมาณ 4 พันบาทนี้ ทำได้ดีเกินคาดไปเยอะพอสมควร พื้นฐานการเล่นกีฬาอย่างวิ่ง, ปั่นจักรยาน, เล่นฟิตเนส รองรับได้หมด การเก็บค่าและสรุปผลต่างๆ ทำได้ละเอียด และให้ข้อมูลที่คนเล่นกีฬาต้องการ อย่างการคุมโซน HR

แบตเตอรี่นั้น ตามสเปคที่แจ้งนั้นบอกว่าสแตนบายได้ 11 วัน ส่วนในใช้งานทั่วไปจะได้ 5 วัน แต่จากที่ได้ทดสอบใช้แบบเปิดให้เช็ค HR แบบตลอด 24 ชั่วโมง แบตเตอรี่จะโดนสูบเร็วมาก ใช้ได้ประมาณ 2 วันนิดๆ ก็หมดแล้ว ส่วนเวลาใช้เล่นกีฬาแล้วเปิด GPS แบตเตอรี่จะอยู่ได้ 24 ชั่วโมง เรียกได้ว่าใส่วิ่งจบมาราธอนได้สบายๆ

คราวนี้มาดูเรื่องข้อจำกัดหลังจากที่ลองใช้งานแล้ว ก็ยังมีอยู่หลายอย่าง เช่น ตัวนาฬิกาไม่รองรับการแสดงผลภาษาไทย ถ้ามีแจ้งเตือนหรือข้อความที่เป็นภาษาไทยจะไม่สามารถอ่านรู้เรื่อง ต่อมาคือการทำงานกับตัวแอพบนสมาร์ทโฟน เราสั่ง Sync เก็บข้อมูลการเล่นกีฬาได้ แต่สถิติที่เป็น Activity อย่างก้าวเดิน, เวลานอน, HR จะไม่ถูก Symc เข้ามา ต้องดูจากในตัวนาฬิกาเพียงอย่างเดียว

สรุปโดยรวม ถือว่าเป็นตัวเลือกสำหรับใครที่อยากได้นาฬิกา GPS เพื่อใช้วิ่งหรือเล่นกีฬา แต่อยากจะจ่ายในราคาน้อยที่สุดแต่ทำงานได้ดีที่สุด ราคาค่าตัวนั้น ถ้าเทียบกับแบรนด์อื่นในตลาดถ้าอยากได้ควาสามารถราวๆ นี้ ก็มีอย่างน้อยเริ่มต้นที่ 9,000-13,000 บาท

เรียกได้ว่า AmazFit Pace เหมาะสำหรับเป็นคู่ใจตัวเริ่มต้นสำหรับนักวิ่งมือใหม่ที่อยากได้อุปกรณ์ไว้ฝึกและวัดผลการออกกำลังกายได้อย่างคุ้มค่าคุ้มราคาที่สุดแล้วครับ