ครั้งนี้จะมา รีวิว Xplova X5 ที่ผมมีโอกาสได้ทดสอบลองใช้อยู่นานพอสมควร ถือว่าเป็นไมล์จักรยานที่ชื่อไม่ค่อยจะคุ้นหูมากนัก แต่ว่าตัวสินค้ามีความน่าสนใจไม่น้อยตรงที่มีลูกเล่นแปลกๆ หลายอย่างใส่มาในตัวมัน แตกต่างทั้งเรื่องประสิทธิภาพ, ฟีเจอร์, ลูกเล่นและประโยชน์การใช้งานที่แตกต่างจากยี่ห้ออื่นๆ ในท้องตลาด
อุปกรณ์เสริมสำหรับนักปั่นจักรยานที่ปัจจุบันเริ่มได้รับความสนใจ และมีติดรถกันแทบทุกคันนั่นก็คือ “คอมพิวเตอร์จักรยาน” หรืออีกชื่อคือ “Bike Computer” หรือที่เรียกกันติดปากว่า ไมล์จักรยาน ที่ตอนนี้เทคโนโลยีด้านการเชื่อมต่อสัญญาณกับดาวเทียม (GPS) นั้น กลายเป็นสิ่งที่แพร่หลายและช่วยสร้างความสะดวกสบายในการเดินทางและออกกำลังกายมากขึ้น รวมไปถึงเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายกับเครือข่ายสัญญาณก็ทำได้ดีกว่าสมัยก่อน
แบรนด์ Xplova ที่เป็นผู้ผลิต Bike Computer จากประเทศไต้หวัน ดินแดนอุตสาหกรรมจักรยานขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ก่อนหน้านี้เคยมีผลิตคอมพิวเตอร์จักรยานออกมาอยู่หลายรุ่นที่ความสามารถรวมถึงหน้าตาก็เหมือนๆ กับที่เคยมีมาในท้องตลาด จนกระทั่งเมื่อปลายปี 2015 Acer บริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่ก็ได้เข้าซื้อกิจการของ Xplova ก็เริ่มมีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ในเดือนเมษายน 2016 ก็ได้มีการเปิดเผยข้อมูลของ Xplova X5 เป็นคอมพิวเตอร์จักรยานรุ่นที่มีการเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่หลายอย่างใส่เข้าไป อย่างที่ไม่เคยมีเจ้าไหนในท้องตลาดเคยทำมาก่อน อาทิ เอากล้องแอคชั่นแคมติดตั้งไว้พร้อมระบบบันทึกวิดีโอให้อัตโนมัติ, ใส่ซิมเชื่อมต่อกับเครือข่าย 3G และแสดงข้อมูลตำแหน่งของเพื่อนร่วมก๊วนว่าปั่นอยู่ในตำแหน่งไหน และอีกหลายฟีเจอร์ที่ให้มาครบถ้วนสมบูรณ์
แกะกล่อง Xplova X5
ตัวสินค้าที่เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย จะมีตัวเครื่องเป็นสีด (ในต่างประเทศจะมีเป็นสีส้มด้วย) แพ็คเกจเป็นกล่องสวยงามโทนดำส้ม แกะออกมาจะเจอกับตัวเครื่อง Xplova X5 วางอยู่เป็นสิ่งแรก แกะเข้าไปด้านในจะมีอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมให้เป็นสายชาร์และโอนข้อมูลแบบ Micro USB พร้อมตัวติดตั้งเครื่องกับแฮนด์รถแบบ Out-Front ยื่นออกไปด้านหน้า และมีคู่มือการใช้งานอย่างย่ออีก 1 เล่ม มีทั้งหมดแค่นี้
ส่องดูรอบเครื่อง
คราวนี้มาดูตัวเครื่องกันบ้าง Xplova X5 ตัวเครื่องจะมีขนาด 110 x 62 x 23 มิลลิเมตร หนัก 120 กรัม มีหน้าจอที่ใหญ่เต็มตาถึง 3 นิ้ว ความละเอียด 240 x 400 พิกเซล ตัวหน้าจอเป็นจอ LCD สีแบบ Transflective ที่สามารถแสดงผลกลางแดดได้ชัดเจน รวมถึงตัวหน้าจอเป็นระบบสัมผัสที่สามารถเลือกเมนูและคำสั่งจากการแตะที่หน้าจอได้เลย
ตัวเครื่องใช้วัสดุเป็นพลาสติกที่ประกอบตามมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IPX7 ที่สามารถปั่นลุยฝนได้สบายๆ รอบๆ ตัวเครื่องด้านข้างทางซ้ายจะมีปุ่ม Power สำหรับเปิดปิดเครื่องหรือปิดพักหน้าจอ และปุ่ม Mode เพื่อเปลี่ยนโหมดการแสดงผลข้อมูล ส่วนด้านข้างทางขวาจะมีปุ่มสำหรับกดเปลี่ยนหน้า HUD แสดงผลระหว่างที่กำลังปั่น และมีช่องให้สำหรับใส่ซิมการ์ดเพื่อเชื่อมต่อออนไลน์ผ่าน 3G และที่ด้านหลังของเครื่องจะมีตัวเม้าท์สำหรับติดตั้งกับที่จับบนแฮนด์ และช่องเสียบสาย MicroUSB เพื่อชาร์แบตเตอรี่ขนาดความจุ 1,500 mAh ที่ตามสเปคสามารถใช้งานได้นานสุด 12 ชั่วโมง รวมถึงเชื่อมต่อเพื่อโอนข้อมูลกับคอมพิวเตอร์
ด้านหน้าตัวเครื่องนั้นมีปุ่ม Start/Stop เพื่อเริ่มและหยุดการบันทึกการปั่น ส่วนอีกปุ่มเป็น REC เพื่อสั่งบันทึกภาพวิดีโอจากกล้องที่ติดตั้งมาให้ด้วยในตัวเครื่อง
Bike Computer เครื่องแรกของโลกที่มีกล้องติดตั้งมาในตัว
เป็นความโดดเด่นและไม่เหมือนใครของ Xplova X5 ก็คือ เป็นคอมพิวเตอร์จักรยาน ที่มีการใส่เอากล้องถ่ายวิดีโอแบบแอคชั่นแคมมาให้ในตัว เป็นกล้องที่มีเลนส์แบบมุมกว้าง 120 องศา ที่ไม่ได้เก็บมุมกว้างมากจนภาพเกิดบิดเพี้ยน ถ่ายบันทึกวิดีโอแบบ MP4 ได้ที่ระดับ 720p 30 เฟรมต่อวินาที
แล้วในการถ่ายวิดีโอของ Xplova X5 นั้นมีแนวคิดที่ว่า ให้คุณไม่พลาดที่จะเก็บภาพความประทับใจระหว่างการปั่น โดยที่นอกจากจะใช้วิธีกดปุ่ม REC เพื่อเริ่มถ่ายแล้ว เรายังสามารถตั้งค่าให้กล้องถ่ายวิดีโอให้อัตโนมัติ ตามเงื่อนไข อาทิ เราสามารถตั้งให้เริ่มถ่ายเมื่อสามารถทำความเร็วได้มากกว่า 35 กิโลเมตร/ชั่วโมง หรือตอนที่อัตราการเต้นของหัวใจขึ้นถึงโซน 4 หรือในสถานการณ์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นระดับความชัน, แคลลอรี่ที่เผาผลาญ, Power ที่ทำได้, รอบขา ฯลฯ เพราะว่าในเวลาที่เราปั่นจริงๆ แล้วทำความเร็วระดับนั้น การจะปล่อยมือมากดบันทึกภาพก็มีความเสี่ยงทั้งเรื่องอันตรายและเสียสมาธิในการปั่น
แต่ว่าการบันทึกวิดีโอของ Xplova X5 นั้นจะมีข้อกำหนดว่า จะเป็นการบันทึกเป็นคลิปสั้นๆ ครั้งละ 3, 6 หรือ 9 วินาทีเท่านั้น ไม่สามารถกดถ่ายบันทึกครั้งเดียวยาวต่อเนื่องยาวๆ หลายนาทีได้ ด้วยเหตุผลนอกจากประหยัดพลังงานของเครื่องแล้ว ตามการใช้งานจริงการถ่ายคลิปทีเดียวยาวๆ แล้วเอามาตัดต่อทีหลังนั้นยุ่งยากและเสียเวลา แต่การเลือกถ่ายเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่เป็นช่วงที่เราต้องการจริงๆ ทำให้ไม่เปลืองทั้งแบต, พื้นที่เก็บ และเอาไปตัดต่อทำคลิปได้ง่ายกว่า
เชื่อมต่ออุปกรณ์และเซนเซอร์ได้ครบถ้วน
หัวใจหลักของคอมพิวเตอร์จักรยานที่ต้องมี คือการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เซนเซอร์วัดค่าต่างๆ Xplova X5 รองรับเชื่อมต่ออุปกรณ์ในมาตรฐาน ANT+ ที่ให้ความแม่นยำของข้อมูลแบบ real-time รองรับกับ
- เซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Monitor) ทั้งแบบสายคาดอกและรัดข้อมือ
- เซนเซอร์วัดความเร็วและรอบขา (Speed & Cadence) โดยใช้ได้ทั้งแบบที่เป็น Combo และแยกเป็นชิ้น
- เซนเซอร์วัดกำลังวัตต์ (Power Meter)
ถือว่ารองรับครบถ้วนทุกอย่างสำหรับการปั่นจักรยาน นอกจากนี้ในการเชื่อมต่อเซนเซอร์เข้ากับระบบ ยังบันทึกเก็บเป็น Profile แยกได้หลายคัน สำหรับคนที่มีใช้งานหลายคันอีกด้วย
สร้างบัญชีใช้งานที่ xplova.com
ก่อนที่จะเริ่มใช้งาน อย่างแรกที่จะต้องทำก็คือให้ไปสร้างบัญชีใช้งานที่ www.xplova.com หรือจะสมัครผ่านแอพพลิเคชั่นที่ชื่อว่า “xplova moment” ในสมาร์ทโฟน (มีทั้งใน iOS และ Android) จัดการสมัคร กรอกข้อมูลส่วนตัวและลงทะเบียน Log in เข้าใช้งานให้เรียบร้อย บัญชีนี้ถือว่าสำคัญมากในการใช้งาน เพราะจะเป็นที่สำหรับเก็บข้อมูลการปั่นของเราทั้งหมด รวมถึงเอาไว้จัดการเรื่องของการสร้างกลุ่มปั่น, เชื่อมต่อกับเพื่อน, ค้นหาเส้นทางปั่น, กิจกรรม รวมไปถึงสร้างเส้นทางและบริหารจัดการข้อมูลของเราทั้งหมด
เปิดเครื่องเริ่มใช้งาน
กดปุ่ม Power ค้างไว้เพื่อทำการเปิดเครื่อง รอบูทสักพักจนเข้ามาที่หน้าแรกที่เป็นแดชบอร์ดหลักแสดงผลเข็มไมล์ค่าต่างๆ ก่อนอื่นเลยเราจะต้องทำการเชื่อมต่อให้ Xplova X5 ออนไลน์กับอินเทอร์เนตเสียก่อน โดยที่ตัวเครื่องนั้นสามารถเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi หรือจะเอาซิม 3G (ขนาด Micro SIMS) มาเสียบก็ได้
การต่อออนไลน์จะต้องเข้าไปทำใน Setting โดยเปิดหน้าเมนู Device Mode ออกมาด้วยการปาดนิ้วจากด้านบนลงมาข้างล่าง ก็จะมีเมนูต่างๆ ออกมา ตรงนี้หลายคนอาจจะดูคุ้นตาเหมือนกับสมาร์ทโฟน ใช่แล้วครับ Xplova X5 ใช้ระบบปฎิบัติการเป็น Android ครับผม เปิดมาครั้งแรกทำเอาทึ่งอยู่เหมือนกัน สำหรับ Setting จะให้เลือกที่ไอคอนรูปเฟือง (มุมขวาล่า) แล้วไปที่เมนู Internet Connections เพื่อเชื่อมต่อได้เลย
หลังจากที่ออนไลน์แล้ว เลื่อนไปล่างสุดที่ System Settings เข้าไปเลือกเมนู About ที่บอกเวอร์ชั่นของเฟิร์มแวร์เครื่อง จัดการอัพเดทเฟิร์มแวร์ให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด ซึ่งอาจจะต้องอัพเดทหลายครั้ง (อย่างผมเปิดใช้ครั้งแรกอัพเดทไป 2 เวอร์ชั่น) ระหว่างที่อัพเดทอย่าลืมเสียสายชาร์จแบตเอาไว้ด้วย
เมื่ออัพเดทเรียบร้อยคราวนี้ก็ได้เวลา Log In เพื่อเริ่มใช้งาน ปาดหน้าจอเรียก Device Mode ออกมา กดที่ไอคอนรูปคนทางซ้าย จะเป็นหน้าให้เรากรอกข้อมูลผู้ใช้และรหัสผ่านที่สร้างไว้ใน xplova.com หรือจะใช้ facebook login เอาก็ได้
ดาวน์โหลดแผนที่เพื่อใช้งาน
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือมีระบบแสดงผลแผนที่นำทางได้ด้วย โดยที่ตัวแผนที่นั้นผู้สร้างมีจัดทำรองรับไว้ให้แล้วทั่วโลกและสามารถโหลดมาใช้งานได้เลยฟรีๆ วิธีการก็ง่ายมาก เข้าไปที่ Settng แล้วเลือกที่ My Map และเลือก Download Map ในนี้จะมีแผนที่จากทุกประเทศทั่วโลกจากทุกทวีป แน่นอนว่ามีแผนที่ประเทศไทยให้ด้วย (เลือก Asia/Thailand) ไฟล์ของแผนที่ประเทศไทยขนาดใหญ่ประมาณ 70 MB ดาวน์โหลดมาติดตั้งเวลาเลือกที่หน้าแผนที่ก็จะมีแผนที่แสดงให้เห็นแบบชัดเจนเต็มตา ซูมเข้าออกดูได้ง่ายและชัดเจน
Smart Sign Guidance สร้างเส้นทางการปั่นพร้อมระบุข้อมูลได้อย่างละเอียด
เมื่อมีระบบแผนที่นำทางมาให้แล้ว เราก็สามารถสร้างเส้นทางเพื่อใช้นำทาง หรือกำหนดเส้นทางของทริปปั่นของเราเองได้ แต่ว่าจะต้องไปทำในคอมพิวเตอร์ที่หน้าเว็บของ xplova.com ในส่วนของเมนู Route เลือก “Plan Route” ที่จะให้เรากางแผนที่แล้วกำหนดจุดเส้นทางปั่นที่ต้องการเอง หรือจะอัพโหลดไฟล์เส้นทางจากแอพหรือแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่เป็นสกุล .gpx ก็ได้ หรือเอาจาก Activity เส้นทางที่ปั่นไว้ก่อนหน้านี้มาทำเป็น Route ก็ได้เช่นกัน
ความเจ๋งของระบบแผนที่นำทางของ Xplova ที่น่าสนใจมากคือ Smart Sign Guidance ที่นอกจากเราจะลากเส้นทางเพื่อนำทางในการปั่นแล้ว เรายังเลือกปักหมุดป้ายบอกรายละเอียดเพิ่มลงไปในแผนที่เองได้แบบตามใจชอบ เพราะว่าในแต่ละเส้นทางนั้นมีสิ่งที่ต้องรู้มากมายมากกว่าแค่วิ่งไปทางไหนเลี้ยวตรงไหน เราเลือกปักตำแหน่งในแผนที่ได้ว่า จุดไหนเป็นที่พัก, มีที่ให้เติมน้ำดื่มน้ำ, ห้องน้ำ, โรงพยาบาล, สถานที่จุดชมวิว หรือแม้แต่บอกสภาพของเส้นทางว่าเป็นเนินชันหรือทางลาด มีถนนขรุขระ ฯลฯ และไม่ใช่แค่ปักป้าย ยังอัพรูปภาพประกอบของสถานที่นั้นๆ ลงไปได้ด้วย
ด้วยระบบของแผนที่ที่เราสามารถกำหนดเองได้แบบอิสระและละเอียดมากๆ นี้ ช่วยให้เวลาที่เอาไปใช้ตอนปั่นนั้นมีประโยชน์มากๆ เพราะนอกจากจะโหลดเอาไว้ใช้งานเองแล้ว เรายังสามารถแชร์แผนที่ที่สร้างขึ้นนี้ให้กับคนอื่น เลือกได้ทั้งแบบเฉพาะเพื่อนของเราที่นัดกันไว้ หรือจะแชร์สาธารณะให้ผู้ใช้ Xplova คนอื่นๆ โหลดไปปั่นตามเส้นทางของเราก็ได้
ระบบเพื่อนและการนัดหมายและดู Group Live แบบสดๆ
เมื่อสามารถสร้างเส้นทางการปั่นแล้ว เรายังสร้างกิจกรรมจัดงานปั่นเป็นทริปกับเพื่อนๆ ที่ใช้ Xplova X5 เหมือนกันได้ด้วย โดยทำการสร้าง Event แล้วโหลดเส้นทางที่สร้างไว้ จากนั้นก็เชิญเพื่อนที่อยู่ในระบบของเรามาร่วมกิจกรรม เพื่อแชร์เส้นทางทริปที่สร้างขึ้นให้ไปใช้งานโดยมีรายละเอียดการปั่นให้ครบเสร็จสรรพ
ไม่ใช่แค่สร้างทริปชวนปั่นได้ง่ายและสะดวกสุดๆ แล้ว เรายังเลือกเปิดให้คนอื่นๆ เข้ามาดู Live การปั่นของเรา ผ่านทางหน้าเว็บหรือในแอพ Xplova Moment บนสมาร์ทโฟน เพื่อดูตำแหน่งของนักปั่นในทริปว่าอยู่จุดไหนของแผนที่แบบสดๆ ได้อีกด้วย
Device Setting ตั้งค่าการใช้งานระบบอัตโนมัติ
ก่อนจะเริ่มปั่นจริง สิ่งสำคัญที่อย่าลืมในการตั้งค่าคือส่วนของ Device Setting ที่จะมีให้เลือกของการแจ้งเตือน (Alert) เลือกให้เครื่องส่งเสียงเตือนเมื่อถึงจุดที่กำหนด อาทิ อัตราการเต้นของหัวใจ, เวลา, ระยะทาง, ความเร็ว ฯลฯ อันนี้ส่วนตัวชอบมากในเรื่องของอัตราการเต้นหัวใจและความเร็ว เพราะช่วยให้เรารู้ตัวเองได้ว่ากำลังจะเกิดขีดจำกัดที่สุ่มเสี่ยงจะเกิดอันตรายต่อร่างกายหรืออุบัติเหตุได้ และมีให้ตั้งค่า Activities กำหนดระบบนับ Auto Laps, Auto Pause, อัพโหลดข้อมูลการปั่นเมื่อจบให้อัตโนมัติ และการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่อัพโหลด ส่วนสุดท้ายเป็นการตั้งค่า Smart Video ที่เลือกได้ว่าจะให้ถ่ายวิดีโอครั้งละ 3,6 หรือ 9 วินาที และเริ่มถ่ายให้อัตโนมัติเมื่อถึงค่าที่กำหนดได้ตามที่ต้องการ
ทดสอบลองปั่นไปกับ Xplova X5
เตรียมการเรื่องเส้นทาง, แผนที่ และเซ็ตค่ากันเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็ได้เวลาไปลองปั่นกันจริงๆ เสียที ก่อนอื่นต้องอย่าลืมสร้างข้อมูล Profile ของรถกับการเชื่อมต่อเซนเซอร์ต่างๆ ให้เรียบร้อย (เลือกได้ใน Bike Setting และ Wireless Sensor) เมื่อทุกอย่างพร้อมก็กดปุ่ม Start ออกปั่นได้เลย
ตัวหน้าจอแสดงผลใหญ่ถึง 3 นิ้วนั้น ถือว่าใหญ่เต็มตา และจอที่เป็นแบบ Transflective นั้นเวลาปั่นกลางวันกลางแดดก็ยังมองเห็นได้ชัดเจนโดยจอไม่ต้องเปิดไฟสว่างช่วย ส่วนตอนกลางคืนก็มีเซนเซอร์จัดการปรับความสว่างให้อัตโนมัติ (หรือจะเลือกเองก็ได้)
หน้าจอแสดงค่าการปั่นต่างๆ ระหว่างปั่น จะแบ่งออกเป็น 3 โหมดด้วยกัน เลือกเปลี่ยนได้ด้วยการกดปุ่ม Mode ที่ด้านข้าง หรือปาดซ้ายขวาที่หน้าจอ และเลือกเปลี่ยนหน้าด้วยปุ่มขึ้นลง หรือปาดจอขึ้นลงก็ได้ โดยทั้ง 3 โหมดจะมีดังนี้
- ข้อมูลระหว่างปั่น มี 3 หน้าด้วกันคือ หน้าหลักแสดงเป็นหน้าปัดความเร็ว, อัตราการเต้นหัวใจ, รอบขา Watt ระยะทางและเวลา ต่อมาเป็นข้อมูลโดยรวมในการปั่นของทริป ตั้งแต่เวลาที่ใช้ทั้งหมด, เวลาที่พัก, ระยะ, แคลลอรี่, อุณหภูมิ ส่วนสุดท้ายจะเป็นเรื่องค่าสถิติของการไต่เขาและสถิติเวลาในแต่ละ Laps
- หน้าแผนที่นำทาง ที่จะแสดงผลทั้งเรื่องถนนและการนำทาง สามารถซูมเข้าออกระยะได้ โดยจะยังมีบอกเรื่องความเร็วและระยะทางที่ปั่นได้ให้ทราบด้วย และถ้าเป็นการปั่นแบบทริปกับเพื่อน ก็จะเห็นตำแหน่งของเพื่อนคนอื่นบนแผนที่ของเราด้วยเช่นกัน
- กราฟสรุปข้อมูลของอัตราการเต้นของหัวใจ และ Watt (กรณีที่มี Power Meter)
ระหว่างที่ปั่นถ้าต้องการจะบันทึกภาพวิดีโอ ก็ให้กดปุ่ม REC ได้เลย (หรือถ้าตั้ง Auto ไว้ก็จะถ่ายให้เมื่อถึงช่วงที่กำหนด) โดยเวลาที่บันทึกวิดีโอจะมีโชว์ขึ้นมาให้เห็นตอนที่บันทึกด้วย และถ้าหากเราตั้งเรื่องของ Alert เอาไว้ นอกจากจะมีเสียงดังบอกเราแล้ว ยังมีตัวข้อความขึ้นมาบอกเราอีกด้วย
เมื่อต้องการจบทริปการปั่นและบันทึกข้อมูลให้กดปุ่ม Stop ค้างเอาไว้ประมาณ 3 วินาทีก็จะมีคำถามขึ้นมาหน้าจอให้ยืนยันการจบทริป
สรุปผลข้อมูลที่ปั่น
เมื่อจบทริปและบันทึกการปั่น เราเลือกให้เครื่องทำการอัพโหลดข้อมูลขึ้นให้อัตโนมัติ (ถ้าเครื่องออนไลน์อยู่) หรือจะมากดอัพโหลดเองทีหลังก็ได้ ข้อมูล Activity ที่ปั่นไปแล้วเราเลือกเปิดดูค่าต่างๆ จากในตัวเครื่องก็ได้ มีข้อมูลให้อย่างละเอียด
มาเรื่องของกล้องบ้างซึ่งที่ลองใช้ไปก็รู้สึกค่อนข้างน่าประทับใจในเรื่องความสะดวกในการบันทึก ส่วนคุณภาพของคลิปที่ถ่ายถือว่าดีใช้ได้ ทั้งเวลากลางวันและกลางคืน จะมีติดอยู่บ้างเรื่องของไมค์เวลาที่ปั่นแล้วเจอหลุมหรือถนนไม่เรียบ มีเสียงดังกระแทกแกร่กๆๆ เข้ามากวนอยู่ (ซึ่งกล้องแอคชั่นแคมอื่นก็เป็นเหมือนกัน) แล้วการแชร์วิดีโอ ยังมีให้เลือกเอา 8 คลิปที่บันทึกไว้ระหว่างปั่น มาตัดต่อเป็นคลิปเดียวแล้วอัพโหลดขึ้นไปรวมกับ Activity ที่ปั่นได้เลย
แบตเตอรี่นั้นถือว่าอึดใช้ได้ จากการทดลองปั่นระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร เป็นเวลา 1.5 ชั่วโมง ในตอนกลางคืนซึ่งมีเปิดไฟสว่างหน้าจอ และมีถ่ายวิดีโอประมาณ 20 คลิป แบตเตอรี่ลดไปประมาณ 20% ซึ่งถ้าปั่นตอนกลางวันก็จะใช้พลังงานน้อยกว่านี้ ประเมินแล้วเอาไว้น่าจะปั่นทริปยาวๆ ขั้นต่ำเกิน 8 ชั่วโมงได้ไม่มีปัญหา แล้วเวลาพักก็เอาเสียบชาร์จกับ Powerbank เพื่อเติมไฟก็ได้
สรุป Xplova X5 น่าประทับใจแค่ไหน? และเหมาะสำหรับใคร?
พูดเรื่องส่วนดีกันก่อน มีหลายอย่างที่โดนใจในการใช้งาน เรื่องฟีเจอร์พื้นฐานที่คอมพิวเตอร์จักรยานที่ดีควรทำได้นั้น Xplova X5 ทำได้ทั้งหมดและอยู่ในระดับที่น่าพอใจ บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการปั่นได้ครบถ้วน เชื่อมต่อกับเซนเซอร์ทุกอย่างรวมถึง Power Meter เรียกได้ว่ารองรับการใช้งานกันถึงขั้นระดับโปรฯ กันเลย ระบบแผนที่นำทางถือว่าโอเค หน้าจอที่ใหญ่เห็นชัด รวมกับระบบสร้างเส้นทางปั่นพร้อมปักหมุดต่างๆ ได้เอง เหมาะมากสำหรับการปั่นเป็นกรุ้ป เพราะแชร์เส้นทางและมีระบบ Live ที่ออนไลน์ดูได้ตลอด ตัวเครื่องออนไลน์ผ่านซิม 3G ได้ น่าจะเป็นรุ่นแรกของโลกที่ทำได้แบบนี้
การติดตั้งกล้องวิดีโอมาให้ในตัว ที่คิดรูปแบบการใช้งานได้น่าสนใจ การเก็บคลิปสั้นๆ เฉพาะช่วงเส้นทางที่สำคัญ ช่วยให้เราเอาคลิปเหล่านั้นไปเลือกตัดต่อได้ง่ายและรวดเร็ว แถมการสั่งให้ถ่ายอัตโนมัติช่วยให้ระหว่างการปั่นไม่ต้องเสียสมาธิมากดถ่ายให้วุ่นวาย โดยรวมแล้วฟีเจอร์หลักที่มีและลูกเล่นเจ๋งๆ ที่ให้มา ถือว่าคุ้มค่ากับราคา 14,900 บาท
มาถึงส่วนที่ยังขัดอกขัดใจอยู่หลายอย่าง และหวังว่าจะมีการแก้ไขอัพเดทในอนาคต คือหน้าตาของการแสดงผลข้อมูลทั้งในแอพ Xplova Moment และทางหน้าเว็บ ที่ยังดูไม่ค่อยสวยงามสักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าการบันทึก Activity เราจะเลือกให้ซิงค์ไปยัง Strava ได้ แต่ก็ต้องเข้าไปกดสั่งเองที่หน้าเว็บ ตั้งเป็นอัตโนมัติยังไม่ได้ ส่วนเรื่องของวิดีโอที่ถ่ายได้ การโอนออกจากเครื่องต้องใช้วิธีเอาไปเสียบสายแล้วโยนเข้าคอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว น่าจะมีให้เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนแล้วโอนไฟล์ให้กันได้ ซึ่งตอนนี้ส่วนที่ยังไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางจะเป็นเรื่องของซอฟท์แวร์ในการใช้งาน คาดว่าในอนาคตทีมพัฒนาน่าจะปรับปรุงให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
เรื่องความน่าซื้อนั้น ถ้าเป็นสายทัวริ่งหรือว่าชอบจัดทริปปั่นกันเป็นก๊วน กับฟีเจอร์ที่ Xplova X5 ให้มานั้นน่าจะชอบกัน ที่มีให้ทั้งแผนที่ ระบบนำทาง และสร้างเส้นทางแบบละเอียด แต่อาจจะไม่ค่อยโดนใจของคนที่เคยใช้ไมล์ของ Garmin Edge มาก่อน เพราะเรื่องหน้าตาของแอพและเมนูต่างๆ รวมถึงความละเอียดด้านการฝึกซ้อมตอนนี้ ต้องยอมรับว่ายังสู้ทางฝั่งของ Garmin ไม่ได้
สินค้าของ Xplova X5 นำเข้ามาจำหน่ายในไทยพร้อมการดูแลรับประกันโดย Acer (ประเทศไทย) ผ่านทาง อมร ไบค์ กับราคา 14,900 บาทในชุดแพ็กเกจปกติ และจะมีเป็นชุดบันเดิ้ลเพิ่มเซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบคาดอก และเซนเซอร์วัด Speed & Cadence แบบคอมโบมาให้ด้วย ในราคา 16,900 บาท
