พรีวิว Samsung Galaxy Note20 และ Note20 Ultra ลองจับแล้วชอบแค่ไหน แล้วซื้อมั้ย?

พรีวิว Samsung Galaxy Note20 และ Note20 Ultra จากที่ได้ลองจับไปเล็กน้อยกับข้อมูลที่ได้มาทั้งหมดตอนนี้ ขอวิเคราะห์ในมุมมองส่วนตัวละกัน

ปีนี้ถือเป็นปีที่โคตรยากของทุกแบรนด์ เพราะ COVID-19 คือสิ่งที่ไม่มีใครวางแผนหรือคาดคิดว่ามันจะเกิด และเกิดขึ้นมาก็ทำตัวกันไม่ถูก แผนการตลาดที่วางกันข้ามปีต้องฉีกทิ้งกันหมดแล้วเริ่มเหมือนเด็กจบใหม่ เพราะไม่มีใครเคยเจอปัญหานี้

สำหรับซัมซุง ปีนี้ถือว่าโชคไม่ดีกับ Galaxy S20 บางคนคิดว่า อ้าว ได้เปิดตัวขายก่อนมีโควิดระบาดไม่ดียังไง มันไม่ดีสิ เพราะออกมาแล้วต้องขายในสภาวะที่ไม่มีกำลังซื้อ สู้ยังไม่เปิดตัวแล้วรอออกมาปล่อยช่วงที่เหมาะไม่ดีกว่าหรือ แถมยังมีเรื่องความไม่สมบูรณ์หลายๆอย่างอีก มันจึงทำให้ S20 Series ปีนี้ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร

มาทางด้าน Note20 บ้าง ซัมซุงปล่อยมาในไทม์ไลน์เดิมทุกประการ แต่ปีนี้เหมือนตั้งใจให้ข้อมูลหลุด หลุดแบบหลุดลุ่ยทุกสิ่งอย่าง เหลือแค่เพียงเรื่อง Ecosystem และฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ไม่ปล่อยออกมา ผลก็คือทำให้คนรู้สึกกระหายอยากรู้น้อยลงมากๆ อันที่จริงหลุดให้น้อยกว่านี้จะดีกว่า

โอเค มาที่ตัวเครื่องกันบ้าง ไล่กันทีละตัวเลย เริ่มที่ Galaxy Note20 ปีนี้ตัวล่างซัมซุงทำออกมากดต้นทุนให้ล่างสุดชนิดที่ว่าอีกนิดนึงจะเป็น Note20 Lite แล้ว ตั้งแต่ตัวฝาหลังที่เป็นโพลีคาร์บอเนต (ก็คือพลาสติกล่ะ) ถ้าเป็นแต่ก่อนคงจะโดนบูลลี่แล้วว่า แฟล็กชิพอะไรทำไมใช้วัสดุแบบนี้ แต่ซัมซุงทำสีออกมาได้สวยมาก ดูแพงพรีเมียม คือจับครั้งแรกสัมผัสไม่รู้สึกว่าเป็นพลาสติก แถมทำสีแบบเดียวกับรุ่น Ultra เลยทำให้รู้สึกเหมือนเนียนๆ กันไป

กล้องหลังสเปคก็สูสีกับ S20 ที่ดีขึ้นคือพวกซอฟท์แวร์ทำดีและฉลาดขึ้นมาก ยังคงเป็นสมาร์ทโฟนที่มั่นใจได้ว่าหยิบขึ้นมาถ่ายแล้วก็สวยเลย

ส่วน Galaxy Note20 Ultra จัดมาอลังการแต่ไม่ได้โดดจาก S20 Ultra มากนัก แถมบางอย่างยังโดนเนิร์ฟลงมาเพื่อให้มันใช้งานได้เสถียรขึ้น ทั้งระบบชาร์จเร็วที่ W ลดลงแต่มันก็ยังชาร์จได้เร็วอยู่ และกล้องหลังซูมสุดที่ 50x โอเค ตัวเลขมันน้อยกว่าตอน S20 Ultra แต่ว่าลองแล้วเออ มันชัดในทุกระยะเลย

ดังนั้นการเนิร์ฟลงมา คงจะไม่ถูกใจพวกบ้าตัวเลขสเปค แต่สุดท้ายประสบการณ์ใช้งานไม่ได้ลดลงอย่างแน่นอน

พรีวิว Samsung Galaxy Note20 และ Note20 Ultra จับแล้วมีอะไรบ้างที่ “ชอบ” และ “ไม่ชอบ”

สำหรับ พรีวิว นี้ ย้ำอีกครั้งว่าผมได้แค่ลองจับ Samsung Galaxy Note20 และ Note20 Ultra โดยเล่นไม่นาน เฉพาะแค่ในช่วงทดสอบ รวมกับข้อมูลที่ได้จากตอนงานเปิดตัว ยังไม่ได้ลองเล่นจริง และยังไม่เจอเรื่องของประสบการณ์ใช้งาน จะเรียกว่าความชอบอันนี้เป็นตามแบบ แรกสัมผัส ก็ได้

Galaxy Note20 – ชอบ

• หน้าจอแบน คือคนใช้โน้ตพร่ำบอกตลอดว่า จอ Edge น่ะมันเขียนไม่ถนัด ในที่สุดก็มีจอแบนให้เลือกแล้ว
• น้ำหนักเบา ขนาดใหญ่กำลังดี ถือถนัด ใช้เขียนสะดวก คือการทำฝาหลังเป็นพลาสติกทำให้ได้น้ำหนักที่เบาลงด้วย
• Wireless DEX แล้วก็ถึงวันที่แบบว่า ใช้โดยไม่ต้องมีอุปกรณ์อะไรสักที มันคือความสะดวกของจริงละทีนี้
• Samsung Note ที่พัฒนาเพื่อให้ทำงานดีขึ้น เชื่อมต่อ แปลงไฟ จัดการเรื่องจดบันทึกได้ดีมาก
• Link to Windows เราจะได้ใช้สมาร์ทโฟน Android ให้ Seamless กับคอมได้แล้ว แล้วมันก็เจ๋งดีด้วย
• ดีไซน์สวย คือเรียบๆ แค่นี่ล่ะ สวยแล้วจับก็ถนัดมือดี กล้องหน้าเป็นไฝมันไม่ได้ขัดตาเท่าไร

Galaxy Note20 – ไม่ชอบ

• หน้าจอเป็น 60Hz เหมือนรู้สึกตัวเองกระแดะ แต่รุ่นใหญ่ได้ 120Hz นี่ดันได้จอสเปคที่อีกนิดจะเท่ากับรุ่น A แล้ว
• เพิ่มเมมไม่ได้
• กล้องหลังที่ด้อยกว่ารุ่น Ultra ไปพอสมควร
• Latency ของปากกายังเท่ากับรุ่นก่อน

Galaxy Note20 Ultra – ชอบ

• กล้องที่พัฒนาได้ลงตัวเสียที จะว่าไปนี่คือเซ็ตอัพกล้อง S20 Ultra 2.0 ก็ว่าได้ล่ะ ปรับใหม่จนไม่น่าจะมีปัญหาแล้ว
• Latency ของปากกาดีมากๆ เส้นนี่เกาะติดเลย
• ใช้ Galaxy Buds Live เป็นไมค์ได้ อันนี้สำหรับสายคอนเทนต์คือโอ้โหเลย ใช้เป็น Wireless Mic เท่ๆ ได้ไม่ต้องพกเพิ่ม
• จอ 120Hz เล่นเกมดีมาก ดูหนังดีมาก

Galaxy Note20 Ultra – ไม่ชอบ

• จอขอบโค้ง 5555 คือดีใจรุ่นเล็กจอแบน แต่รุ่นใหญ่จอโค้งซะงั้น แต่ก็เข้าใจว่าทำเพราะอยากให้ได้ขนาดจอที่ใหญ่สุดๆ
• น้ำหนัก ถือว่าหนักมากครับ 220 กว่ากรัม- โมดูลกล้องหลังนูนค่อนข้างมาก หลายคนบอกเดี๋ยวก็ใส่เคส กลับไปดูเรื่องน้ำหนักเครื่อง คิดดูบวกเคสไปอีก จะไปถึงไหน

สรุปสั้น ซื้อหรือไม่ซื้อ!

อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัว ไม่ได้ตัดสินว่ามันน่าซื้อหรือไม่น่าซื้อ เอาเป็นว่ามันตอบโจทย์ความต้องการของผมได้มากน้อยแค่ไหนดีกว่า และไม่เอาเรื่องของราคามาเป็นปัจจัยในการตัดสินด้วย

สำหรับผมแล้ว ปีนี้คงไม่ซื้อ ทั้ง Galaxy Note20 และ Note20 Ultra

ลองจับครั้งแรกผมชอบ Note20 เลยนะ ทั้งเรื่องจอแบน ขนาดเข้ามือ และนำ้หนักที่เบามาก ถือใช้สบายเลย เรื่องฝาหลังเป็นพลาสติกไม่ใช่ปัญหา เพราะซื้อมาก็ใส่เคส แต่มาติดว่าสิ่งดีๆ หลายอย่างดันไปอยู่กับ Ultra เกือบหมด ทั้งเรื่อง Latency ของปากกา และเกรดของหน้าจอ

มาที่ Note20 Ultra ข้อดีทั้งหมดคือชอบมาก แต่สิ่งที่ทำให้ตัดสินใจไม่ซื้อเลยคือเรื่องของ “น้ำหนัก” 220 กว่ากรัมนี่มันหนักมากๆ สำหรับการถือใช้งานต่อเนื่องเวลานานๆ ไม่นับเรื่องถ้าเอาไว้ใช้ถ่ายวิดีโอ คุณต้องเลือกกริปหรือกิมบอลที่เอาอยู่กับน้ำหนักขนาดนี้

ตอน Note10+ ผมตัดสินใจซื้อเลยทันทีคือเรื่องของน้ำหนัก ที่ตอนนั้นจอใหญ่ขึ้นแต่น้ำหนักไม่ถึง 200 กรัม

และที่ไม่ซื้ออีกเหตุผลก็เรื่องสีเครื่อง ถึงแม้บอกว่าเดี๋ยวก็ใส่เคส แต่ตัวเลือกที่มีแค่สีดำเงาที่พร้อมเป็นรอยได้ง่ายมากๆ กับสีใหม่ Mystic Bronze มันดูเหมือนไม่มีตัวเลือก และสีขาวที่เป็นสีที่ชอบที่สุดดันไม่เข้าอีก

พรีวิว นี้ เป็นการสรุปแล้วตามทัศนคติตัวเองล้วนๆ นะครับ เน้นความชอบและตอบโจทย์ตัวเอง สุดท้ายถ้าใครสนใจ Samsung Galaxy Note20 และ Note20 Ultra ไปลองไปเล่นตามช้อปเลย มีให้คุณลองจริงๆ แล้ว ด้านประสบการณ์ความเป็นโน้ตยอมรับว่ามันดีขึ้นมาก เรียกว่าสมบูรณ์แบบสุดเท่าที่เคยมีมา ไม่มีอะไรบกพร่อง ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่คนกลัวกันอย่าง ความร้อน กล้อง ฯลฯ ไว้มีโอกาสได้จับตัวจริงค่อยว่ากันอีกที

ห้อยท้ายอีกนิด พูดเรื่องของราคา ตอนที่เปิดตัวมา ส่วนตัวก็มองว่า ไม่ได้เกินคาด คิดว่าต้องประมาณนี้ล่ะ ตัว Note20 ยอมรับว่าซัมซุงดั้มป์ราคาลงมาให้ต่ำ 30,000 บาทได้ถึงว่าเก่งมากๆ การเอารุ่น 4G มาเพื่อให้เป็นตัวเลือกคนที่ไม่ได้กะว่า จะจัดเต็มข้อล่อเต็มแข้ง ได้มีตัวเลือกที่ราคาเบาลงมาหน่อยได้อยู่

โดยรวมผมคงบอกว่า Samsung Galaxy Note20 และ Note20 Ultra ราคา นั้นค่อนข้างสูง แต่มันไม่ได้แพง เมื่อเทียบกับสิ่งที่มันทำได้