คลังเก็บหมวดหมู่: News

MSI Prestige 16 AI Evo พรีเมียมแล็ปท็อปแรงจัดด้วย Intel Core Ultra 9

เปิดตัว MSI Prestige 16 AI Evo แล็ปท็อประดับพรีเมียม ดีไซน์หรูหรา น้ำหนักเบาเพียง 1.5 กิโลกรัม ประสิทธิภาพสูงด้วยโปรเซสเซอร์ Intel Core Ultra 9

ตัวเครื่องทำมาจาก Magnesium-Aluminum Alloy, แบตเตอรี่ที่ใส่มาขนาดใหญ่ถึง 99.9WHr และช่องชาร์จ PD 3.1 ที่จ่ายไฟได้มากถึง 140W เพื่อประสิทธิภาพและการใช้งานที่ยาวนาน

ประสิทธิภาพภายในใช้โปรเซสเซอร์ตัวใหม่ล่าสุดอย่าง Intel Core Ultra ทำให้ Prestige 16 AI รุ่นใหม่นี้จะมีเทคโนโลยีที่เรียกว่า NPU (Neural Processing Unit) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการประมวลผล AI ที่ได้รับการคัดสรรเป็นอย่างดีในโปรเซสเซอร์จาก Intel โดยจะทำงานเป็นตัวเร่งความเร็วให้กับการทำงาน AI โดยเฉพาะ ซึ่งจะทำให้การทำงานร่วมกันของ CPU/GPU ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน โดยโปรเซสเซอร์ตัวล่าสุดจาก Intel นี้ได้ปฏิวัติการประมวลผลสำหรับงานที่เกี่ยวข้องกับ AI โดยทาง Intel ได้ร่วมมือกับแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ มากกว่า 100 แอพพลิเคชั่นที่รองรับการทำงานร่วมกันกับ AI เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้\

อย่างไรก็ตาม MSI ได้นำเสนอนวัตกรรมตัวใหม่อย่าง MSI AI Engine*  ซึ่งจะมอบประสบการณ์ในการทำงานโดยใช้ AI เข้ามาช่วยในปรับแต่งการตั้งค่าของ Hardware โดยอัตโนมัติ ทำให้ผู้ใช้งาน มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยจะมีหลักการทำงาน อาทิ เช่น  “Intelligent Gaming”, “Intelligent Work”, “Intelligent Meeting” และ “Intelligent Entertainment” เป็นต้น

ตัวเครื่องนั้นได้รับเครื่องหมาย Intel Evo ที่ผ่านการทดสอบจาก Intel มาแล้วว่ารองรับการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพบนตัวเครื่องที่บางเบา อีกทั้งยังได้การรับรองจาก NVIDIA Studio ที่เป็นตัวการันตีว่าการทำงานด้านงานภาพ , งานตัดต่อ และ งานที่ใช้ความสร้างสรรค์ต่างๆ บนกราฟิกการ์ดที่สูงสุดถึงระดับ NVIDIA® GeForce RTX™ 4070 Laptop GPU นั้นสามารถทำงานได้อย่างเต็มความสามารถสำหรับแอปพลิเคชันที่ใช้งานด้าน Creative อันมีความต้องการประสิทธิภาพในการทำงานสูง

รวมถึงหน้าจอ OLED ที่มาพร้อมอัตตราส่วนหน้าจอ 16:10 คุณภาพสูงนี้ จะมอบประสบการณ์ด้านภาพที่ผู้ใช้จะได้รับให้สูงขึ้นไปอีกขั้นในด้านสีสันและพื้นที่การใช้งานของจอ , พอร์ต I/O ต่างๆที่จัดเต็ม และ Wi-Fi 7 ตัวล่าสุดที่รวดเร็วและเสถียร กับทุกการใช้งาน , แน่นอนว่าสิ่งที่มีมาในเครื่องนี้บ่งบอกได้ถึงประสิทธิภาพของตัวเครื่องว่า มันสามารถลุยงานไปกับผู้ใช้งานได้อย่างดีที่สุด

นอกจากรุ่นหน้าจอ 16 นิ้วแล้ว ในครั้งนี้ทาง MSI ยังได้มีการเปิดตัว Prestige 13 AI Evo รุ่นใหม่ที่มีการใช้โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra เช่นเดียวกัน เพียงแต่มีน้ำหนักแค่ 990 กรัม พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 75WHrs ซึ่งมีขนาดความจุของแบตเตอรี่มากกว่า ถึง 50% เมื่อเทียบกับโน้ตบุ๊กระดับเดียวกันในตลาด
Prestige AI Series เจเนอเรชั่นใหม่ทั้งสองรุ่นนี้ พร้อมที่จะให้ทุกคนได้สัมผัสกับความหรูหราที่มาพร้อมประสิทธิภาพอันล้ำสมัยกันแล้ว

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://msi.gm/S7EDA183

*MSI AI Engine จะได้รับการอัพเดทในเดือน มกราคม

Infinix โปรโมชัน 12.12 ส่วนลดมือถือ Shopee, Lazada, TikTok Shop

Infinix โปรโมชัน 12.12 ให้ทุกคนเป็นเจ้าของสมาร์ตโฟนในราคาคุ้มค่าที่สุด ด้วยส่วนลดสูงสุด 1,615 บาท พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ เมื่อสั่งซื้อสินค้าที่ Infinix Official Store บน Shopee, Lazada, และ TikTok Shop ระหว่างวันที่ 7 – 15 ธันวาคม 2566

พลาดไม่ได้! เตรียมพบกองทัพมือถือรุ่นฮิต ตัวดัง พร้อมรับส่วนลดแบบจัดเต็ม โดยทุกคนจะได้ซื้อสินค้าจาก Infinix ในราคาที่ดีที่สุด สามารถซื้อสินค้าได้บนแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ชั้นนำ 3 ช่องทางหลัก

Infinix โปรโมชัน 12.12 บน Shopee, Lazada, TikTok Shop

  1. เมื่อซื้อสินค้าบน Shopee ระหว่างวันที่ 12 – 15 ธันวาคม 2566 รับสิทธิ์ซื้อมือถือราคาพิเศษ ด้วยส่วนลดสูงสุดจากทางร้าน 1,615 บาท และโค้ดส่วนลดจาก Shopee สูงสุด 2,000 บาท* พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ ผ่อนผ่าน SPayLater นานถึง 6 เดือน โดยมีสินค้าที่ร่วมรายการ อาทิ
  • NOTE 30 4G (256+8GB) ราคา 4,077 บาท (ถูกสุดเที่ยงคืนถึงตีสอง วันที่ 12.12.23 เท่านั้น)
  • HOT 30i (128+8GB) ราคา 3,154 บาท (ถูกสุดเที่ยงคืนถึงตีสอง วันที่ 12.12.23 เท่านั้น)
  • HOT 30 (128+8GB) ราคา 3,533 บาท (ดีลเด็ดเที่ยงวัน 12.00 – 14.00 วันที่ 12.12.23 เท่านั้น)
  • NOTE 30 5G (128+8GB) ราคา 5,495 บาท (ดีลเด็ดเที่ยงวัน 12.00 – 14.00 วันที่ 12.12.23 เท่านั้น)
  • HOT 12i (64+4GB) ราคา 1,952 บาท
  • HOT 11 (64+4GB) ราคา 1,952 บาท
  • HOT 10S (64+4GB) ราคา 1,952 บาท
  • SMART 6 Plus (64+2GB) ราคา 1,952 บาท
  1. เมื่อซื้อสินค้าบน LAZADA ระหว่างวันที่ 12 – 15 ธันวาคม 2566 รับสิทธิ์ซื้อมือถือราคาพิเศษ ด้วย Laz Bonus 15% ลดสูงสุด 10,000 บาท และส่วนลดพิเศษจากทางร้านรวมสูงสุดถึง 3,246 บาท โดยมีสินค้าที่ร่วมรายการ อาทิ
  • Zero 30 5G ราคา 8,753 บาท
  • Note 30 5G (256+8GB) ราคา 5,821 บาท และ Note 30 5G (128+8GB) ราคา 5,438 บาท
  • Note 30 4G (256+8GB) ราคา 5,013 บาท
  • Hot 30 (256+8GB) ราคา 3,738 บาท และ Hot 30 (128+8GB) ราคา 3,653 บาท
  • HOT 30i (128+8GB) ราคา 3,229 บาท
  • SMART 8 (128+4GB) ราคา 2,549 บาท
  • HOT 12i (64+4GB) ราคา 2,975 บาท
  • HOT 11 (64+4GB) ราคา 2,975 บาท
  • HOT 10S (64+4GB) ราคา 2,889 บาท
  • SMART 6 (64+3GB) ราคา 2,294 บาท
  • SMART 6 Plus (64+2GB) ราคา 2,209 บาท
  1. เมื่อซื้อสินค้าบน TikTok Shop ระหว่างวันที่ 7 – 12 ธันวาคม 2566 รับสิทธิ์ซื้อมือถือราคาพิเศษ ด้วยส่วนลดสูงสุดจากทางร้าน 1,500 บาท* พร้อมคูปองส่วนลดจาก TikTok สูงสุด 2,000 บาท โดยมีสินค้าที่ร่วมรายการ อาทิ
  • ZERO 30 5G (256+12GB) ราคา 8,299 บาท
  • NOTE 30 5G (256+8GB) ราคา 5,974 บาท และ NOTE 30 5G (128+8GB) ราคา 5,498 บาท
  • NOTE 30 4G (256+8GB) ราคา 4,998 บาท
  • HOT 30 (256+8GB) ราคา 3,598 บาท และ HOT 30 (128+8GB) ราคา 3,438 บาท
  • HOT 30i (128+8GB) ราคา 3,039 บาท

สำหรับราคาพิเศษ ส่วนลด และคูปองต่าง ๆ จำกัดสิทธิ์เฉพาะในช่วงโปรโมชัน เท่านั้น! สามารถสั่งซื้อสินค้าได้ที่ร้าน Infinix Official Store บน 3 ช่องทางหลัก ได้แก่ Shopee Link: https://cutt.ly/BwPaw4Co Lazada Link: https://cutt.ly/OwPaedrN และ TikTok Link: https://cutt.ly/TwPaev9q ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวและกิจกรรมดีๆ จากอินฟินิกซ์ ได้ทาง Infinix Mobile Thailand หรือทางเว็บไซต์ https://th.infinixmobility.com 

เปิดตัว OPPO Space โฉมใหม่ ณ CentralWorld

เปิดตัว OPPO Space โฉมใหม่ ณ ห้างสรรพสินค้า CentralWorld นำทีมโดย คุณสือ เสวี่ยเฟิน Brand Director ออปโป้แห่งประเทศไทย และ คุณมณีจันทร์ สมิทธิสมบูรณ์ Head of B2B Marketing และคุณประวีณศรี ไตรประคอง Head of B2B Marketing – Specialty บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยนักแสดงหนุ่มสุดฮอต “กลัฟ – คณาวุฒิ” ร่วมสัมผัสประสบการณ์ที่เปี่ยมด้วยสุนทรียศาสตร์จากธรรมชาติและแรงบันดาลใจ

เปิดตัว OPPO Space โฉมใหม่ ที่นี้ได้รับการออกแบบใหม่ที่มีแรงบันดาลใจมาจาก Core Identity ของแบรนด์ OPPO อย่างการเน้นสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่ไร้รอยต่อโดยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การออกแบบในร้านจึงเป็นเสมือนถ้ำในโลกอนาคตที่ผสานรวมธรรมชาติและเทคโนโลยีได้เข้ากันอย่างลงตัว โดยภายใน OPPO Space แห่งนี้ได้แบ่งออกเป็นโซนต่างๆ ดังนี้

Workshop and Activities Space

โซนที่ให้คุณมานั่งพักผ่อน หรือรับชมเวิร์กชอปต่างๆ ที่เราจัดสรรมาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้เข้าร่วม และเปิดพื้นที่เพื่อสร้างโอกาสให้แก่ผู้ที่ต้องการส่งต่อแรงบันดาลใจแก่ผู้อื่นในพื้นที่สร้างสรรค์ที่ต่อยอดจินตนาการไม่สิ้นสุด ในส่วนของโครงสร้างและดีเทลการออกแบบในโซนนี้มีจุดเด่นอยู่ที่ช่องแสงวงรี ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากช่องแสงของเพดานถ้ำ ซึ่งแสงที่ถูกส่องมาทะลุเพดานถ้ำลงมาที่ผืนน้ำข้างล่างทำให้เกิดปรากฏการณ์ของแสงสะท้อนที่สวยงามบนผนังของถ้ำแห่งนี้ ในขณะเดียวกันกลุ่มมอสที่ขึ้นตามจุดต่างๆ ทำให้เกิดความรู้สึกชุ่มชื้นและสัมผัสที่นุ่มสบายแก่ผู้ที่แวะเวียนมาเยือน Futuristic Urban sanctuary แห่งนี้

Book Corner

มุมแห่งการสร้างสรรค์แรงบันดาลใจ เติมเต็มจินตนาการและความรู้ พร้อมต่อยอดไอเดียด้วยหนังสือหลากหลายเรื่องราวที่คัดสรรมาเพื่อคุณ พร้อมเป็นสถานที่ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินห้างสรรพสินค้า เป็นพื้นที่แห่งการสร้างสรรค์ให้กับทุกคน

Gallery 

นอกจากนี้ภายในร้านยังมีการสร้างโซนแกลเลอรีจัดแสดงผลงานภาพจากกล้องอันทรงพลังของสมาร์ตโฟน OPPO สะท้อนความงามจากธรรมชาติอันสวยงามราวกับได้ไปยืนอยู่ในสถานที่จริง 

Product Experience

พบกับสินค้าจาก OPPO พร้อมอัปเดตอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ตโฟน นาฬิกาสมาร์ตวอทช์ หูฟัง และผลิตภัณฑ์อื่นๆ จาก OPPO อีกมากมายที่มาพรอมกับเทคโนโลยีอันน่าตื่นตาตื่นใจ และดีไซน์อันเหนือกาลเวลา พร้อมให้คุณเซอร์ไพรส์อยู่เสมอ

ภายในงานยังเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความสนุกสนาน พร้อมตื่นเต้นไปกับเหล่าดาราดังอย่าง “กลัฟ – คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์” พร้อมด้วย “คุณต้น บดินทร์ พลางกูร” Design director : Context studio , “คุณเป๋า วฤธ หงสนันทน์” เซเลบริตี้หนุ่มสุดฮอต และ “คุณกล้วย นภัสภรณ์ สิงห์โตแก้ว” creator จาก เพจ ลากกันไปร่วมเอ็นจอยไปกับโฉมใหม่ของ OPPO Space พร้อมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ครบวงจร ที่จัดเต็มด้วยเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ล้ำสมัยแห่งนี้

โดย OPPO Space โฉมใหม่ ที่ชั้น 5 ศูนย์การค้า CentralWorld พร้อมมอบประสบกาณ์สุดพรีเมียมให้แก่ลูกค้าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายและส่งมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร 

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่https://www.facebook.com/oppothai/

JISOO BLACKPINK เป็น Dyson Ambassador อย่างเป็นทางการ

Dyson บริษัทเทคโนโลยีระดับโลก ได้เปิดเผยรูปของ จีซู (JISOO) BLACKPINK คู่กับอุปกรณ์จัดแต่งทรง Dyson Airwrap ในสีพิเศษ Ceramic Pop และประกาศให้เป็น Dyson Ambassador คนแรกอย่างเป็นทางการ เผยผมลอนสวย ดูเงางามอันเกิดการ Dyson Airwrap ที่ถูกออกแบบมาเพื่อนเส้นผมทุกรูปแบบและไม่ทำให้ผมเสียจากความร้อน

Kathleen Pierce ประธานฝ่าย Dyson Beauty ได้กล่าวถึง Dyson Ambassador คนล่าสุดว่า “JISOO เป็นคนที่ให้แรงบันดาลใจทุกคนในเรื่องความสวยที่คลาสสิกและร่วมสมัย และยังเป็นคนที่มีความสวยในแบบที่เป็นธรรมชาติและมีสุขภาพของเส้นผมที่ดีอีกด้วย เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ JISOO เข้าสู่ครอบครัว Dyson”

JISOO เองยังได้ฝากข้อความเกี่ยวกับการร่วมงานครั้งนี้ไว้ด้วยว่า “รู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เป็นแอมบาสเดอร์ของผลิตภัณฑ์เพื่อเส้นผมของ Dyson ซึ่งจริง ๆ ก็ใช้ในทุกวันอยู่แล้ว การรักษาสุขภาพเส้นผมเป็นเรื่องที่สนใจอยู่แล้ว ส่วนเหตุผลที่เลือก Dyson ก็คงเป็นเพราะเทคโนโลยีการควบคุมความร้อนที่ทำให้ผมไม่เสีย ทำให้อุปกรณ์ของ Dyson เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยค่ะในการสร้างลุคที่สวย และใช้ง่ายหรือแทบจะไม่ต้องพยายามเลย”

เพื่อเปิดโอกาสให้แฟนคลับของทั้ง Dyson และ JISOO ได้ร่วมเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษนี้ เราจึงอยากขอเชิญชวนทุกท่านร่วมแชร์โมเมนต์การทำผมด้วย Dyson ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก JISOO โดยติดแฮชแท็ก #dysonhair #dysonbeauty #EffortlessBeautybyDyson และสามารถแท็ก Instagram @dyson_th

Acer NITRO V 15 เกมมิ่งแล็ปท็อป โปรเซสเซอร์ 13th Gen Intel Core H ราคา เริ่มต้น 25,990 บาท

บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด ผู้นำทางด้านนวัตกรรมคอมพิวเตอร์ เปิดตัวแล็ปท็อปสำหรับคอเกมตัวจริง Acer NITRO V 15 ที่มาพร้อมการประมวลผลสุดแรง ด้วยโปรเซสเซอร์ 13th Gen Intel® Core™ H processor ผสมผสานด้วยการ์ดจอจาก NVIDIA® GeForce RTX™ ราคา เริ่มต้นเพียง 25,990 บาท

หน่วยความจำ DDR5 RAM สูงสุด 16GB (สามารถอัพเกรดได้สูงสุดถึง 32GB) และ SSD 512 GB PCIe NVMe  พร้อมระบบระบายความร้อนดีเยื่ยมด้วยระบบพัดลมคู่  เพื่อการใช้งาน และเล่นเกมได้ราบรื่นไร้กังวล พร้อมจัดเต็มความบันเทิงแบบไม่สะดุดด้วยจอแสดงผล Full HD IPS 15.6 นิ้วอัตราการรีเฟรชเรทที่ 144 Hz พร้อมสรรพด้วยเสียงที่แม่นยำและชัดเจนด้วยระบบเสียง DTS® X: Ultra Audio ที่ให้ผู้เล่นเปิดประสบการณ์การเล่นเกมแบบจัดเต็มอย่างไร้ขีดจำกัด

Acer NITRO V 15 มาพร้อมกับโปรเซสเซอร์ 13th Gen Intel® Core™ i5 H processor ได้รับการออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมไฮบริดแบบล่าสุด ไม่ว่าจะเล่นเกม ทำงานเชิงสร้างสรรค์ ตัดต่อวิดีโอ ที่ทำอะไรหลายๆ อย่างได้พร้อมกัน ราบรื่น รวดเร็ว ไม่มีสะดุด ทั้งฟีเจอร์ GPU NVIDIA® GeForce RTX™ 4050 สายเกมจะสัมผัสได้ถึงความเหมือนจริงในฉากจนคาดไม่ถึง GPU ของอุปกรณ์ที่ประหยัดพลังงาน มาพร้อมกับการเรนเดอร์ด้วย AI รวมถึง DLSS 3 และ Ray Tracing

Acer NITRO V 15 ใช้ระบบปฎิบัติการ Windows 11 ตัวใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพด้วยหน่วยความจำที่สามารถอัพเกรด DRR5 สูงสุดได้ถึง 32 GB และรองรับที่เก็บข้อมูลโซลิดสเตต M.2 PCIe ได้สูงสุดถึง 1 TB ให้เวลา      บูตที่รวดเร็วขึ้น และเพิ่มระบบการจัดการพื้นที่อย่างมีสิทธิภาพสำหรับแอพ ไฟล์ และเกมต่างๆ อีกทั้งยังมี ระบบระบายความร้อนแบบ dual-intake ระบบพัดลมคู่ ที่ดึงอากาศจากคีย์บอร์ดและฝาครอบด้านล่าง จากนั้นจึงขับความร้อนผ่านช่องระบายอากาศทั้งด้านข้าง และด้านหลัง ทำให้คุณมั่นใจได้ว่า Acer NITRO V 15 จะพาคุณเพลิดเพลินไปตลอดการเล่นเกมสุดมันส์ได้อย่างยาวนาน

ตอบโจทย์ความหลากหลายทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด

ไม่มีข้อจำกัดใดในการเล่นเกม หรือทำงานอีกต่อไป Acer NITRO V 15 เปิดประสบการ์ณการรับชมอย่างไร้ขีดจำกัด ด้วยหน้าจอ FHD IPS ขนาด 15.6 นิ้ว (16:9) ที่มีอัตราการรีเฟรชสูงถึง 144 Hz เวลาตอบสนอง 3 ms และสัมผัสประสบการณ์ความประทับใจอย่างสูงสุดในการเล่นเกมด้วยเทคโนโลยีเสียงของ DTS:X Ultra Audio ที่มาพร้อมกับการวางตำแหน่งเสียง อะคูสติก และโหมดเสียงที่ปรับแต่งอย่างละเอียด เพื่อให้เหมาะสมกับแนวเกมต่างๆ

NITRO V 15 ได้เพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสาร นอกเหนือจากการเล่นเกม ด้วย AI เทคโนโลยี Acer Purified View และเทคโนโลยี Acer Purified Voice™ สำหรับการสื่อสารด้วยวีดีโอ ที่จะทำให้คุณสื่อสารได้อย่างคมชัดทั้งภาพ และเสียงอีกด้วย

ผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งการตั้งค่าเกม และประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์ได้อย่างสะดวกเพียงปลายนิ้วสัมผัส ด้วยการควบคุมของ NitroSense™ อีกทั้งยังรองรับ Wi-Fi 6 และอุปกรณ์ต่อพ่วงครบครัน รวมถึงพอร์ต Thunderbolt™ 4 พอร์ต สำหรับการชาร์จ การถ่ายโอนข้อมูล และการแสดงภาพวิดีโอที่รวดเร็ว

นอกจากนี้ NITRO V 15 ยังมาพร้อมกับ Xbox Game Pass Ultimate ที่มีอายุหนึ่งเดือน ให้คุณสนุกเพลิดเพลินกับเกมยอดนิยมหลายร้อยเกมที่มีให้เลือกอย่างจุใจอีกด้วย

Acer Nitro V 15 (ANV15-51-578S)

  • ระบบประมวลผล 13th Gen Intel® Core™ i5 13420H
  • การ์ดจอ NVIDIA® GeForce RTX 2050 4GB
  • ระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home
  • Ram 16GB DDR5, SSD 512GB PCIe NVMe
  • จอ 15.6″ FHD IPS, refresh rate 144Hz Slim

จำหน่ายในราคา 25,990 บาท

Nitro V 15 (ANV15-51-574G)

  • ระบบประมวลผล 13th Gen Intel® Core™ i5 13420H
  • การ์ดจอ NVIDIA® GeForce RTX 4050 6GB DDR6
  • ระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home
  • Ram 16GB DDR5, SSD 512GB PCIe NVMe
  • จอ 15.6″ FHD IPS, refresh rate 144Hz Slim

จำหน่ายในราคา 32,990 บาท

หากลูกค้าสนใจสามารถสอบได้ที่ตัวแทนจำหน่ายเอเซอร์ทั่วประเทศ และ acer online store (https://store.acer.com/th-th/) หรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เอเซอร์ได้ที่เว็บ acerthailand.com

Lenovo Tab P12 แท็บเล็ต Android ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย

เลอโนโว เปิดตัว Lenovo Tab P12 แท็บเล็ตระบบ Android หน้าจอ 12.7 นิ้ว 3K มาพร้อมคีย์บอร์ดสไตล์ ThinkPad และ ปากกา Lenovo Tab Pen Plus ใช้งานได้อย่างเอนกประสงค์และความคล่องตัวในการใช้งานทั้งด้านความบันเทิงและเพื่อการเรียนรู้ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ในทุกวันของชีวิต

หน้าจอ LCD ขนาด 12.7 นิ้ว ความละเอียดระดับ 3K (2944 x 1840) ให้การใช้งานด้านความบันเทิงทั้งการดูหนัง ทำงานออกแบบ หรือจะเล่นเกม ก็ทำได้ อีกทั้งหน้าจอยังมีมุมมองที่กว้าง มีความละเอียดและคมชัด pixel มากกว่าหน้าจอ Full-HD ทั่วไปถึง 50% จึงให้รายละเอียดภาพคมชัด สีสันสมจริง สะดุดตา นอกจากนี้เครื่องยังมาพร้อมลำโพง JBL และ ระบบเสียง Dolby Atmos ที่ให้คุณภาพเสียงอย่างมีมิติ

แรมขนาด 8 GB ในหน่วยประมวลผล octa-core processor ให้ความลื่นไหลในการใช้งาน และด้วยแบตเตอรี่ขนาดความจุสูงถึง 10,200mAh ผู้ใช้งานจึงสามารถเล่นวีดีโอต่อเนื่องได้นานถึง 10 ชั่วโมง2 ในการชาร์จเพียงครั้งเดียว

การจดโน๊ต วาดแผนภาพ หรือจะเซ็นต์เอกสาร PDF ก็ทำได้สะดวกด้วยปากกา Lenovo Tab Pen Plus ที่สามารถใช้งานได้กับแอปพลิเคชั่น free Nebo® และ MyScript Calculator 2 ตัวเครื่องยังสามารถเปลี่ยนเป็นแพดสำหรับการวาดภาพได้เมื่อต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ระบบปฎิบัติการ Windows ผ่านแอปพลิเคชั่น Lenovo Freestyle

มอบประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหลเมื่อเชื่อมต่อและใช้งานร่วมกับ PC สลับจากความบันเทิงมาใช้งานในการพิมพ์ก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็วเพียงต่อแผงคีย์บอร์ด Lenovo Keyboard Pack ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากคีย์บอร์ด ThinkPad ระยะปุ่มกด key travel ขนาด 1.5 มิลลิเมตร ความโค้งปุ่ม 0.2 มิลลิเมตร คีย์ พิช 19 มิลลิเมตร เพื่อการพิมพ์ที่สบายมือ แทรคแพดที่มาพร้อมคีย์บอร์ดมีเมนูลัดถึง 16 เมนูเพื่อเสริมการใช้งานที่สะดวกยิ่งขึ้น และสำหรับผู้ที่ต้องทำงานแบบมัลติทาสกิ้ง

หน้าจอของ Lenovo Tab P12 สามารถแยกหน้าจอเพื่อเข้าแอปได้พร้อมกัน 4 แอป และเปิดหน้าต่างโปรแกรมทำงานได้พร้อมกัน 5 หน้าจอ และสำหรับนักเรียน นักศึกษาที่ต้องมีการอ่านหนังสือก็สามารถใช้ประโยชน์จากโหมดการอ่านที่มีเสียงเพลง และแสงจอภาพที่ถนอมสายตาให้การอ่านที่มีคุณภาพ พร้อมกล้องด้านหน้าแบบอัลตร้า ไวด์ ความละเอียด 13MP ให้ VDO call และการเรียนแบบออนไลน์ทำได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งขนาดเครื่องที่บางและเบาทำให้การพกพาสะดวกเมื่อต้องเปลี่ยนห้องเรียนในชั้นเรียนออฟไลน์

Lenovo Tab P12 มาพร้อมคีย์บอร์ดและปากกา Lenovo Tab Pen Plusพร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ร้านค้าพาร์ทเนอร์ของเลอโนโวทั่วประเทศแล้ววันนี้ ราคา 15,990 บาท

เปิดตัว 70mai Store & Sevice ศูนย์บริการ แห่งแรกในประเทศไทย

เปิดตัว 70mai Store & Service ศูนย์บริการ แห่งแรกในประเทศไทย อย่างเป็นทางการ ณ รามอินทรา กม. 14 ภายใต้แนวคิด “สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า” เพื่อให้ผู้ที่เข้ามาใช้บริการไม่เพียงแค่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเลือกซื้อสินค้าคุณภาพเท่านั้น แต่ยังได้รับการบริการในระดับพรีเมียม พร้อมส่งมอบที่สุดของความประทับใจแบบครบวงจรให้ 70mai fans  อีกด้วย ทั้งผลิตภัณฑ์สุดล้ำและอุปกรณ์เสริมจาก 70mai ทุกประเภท ที่พร้อมขนทัพกันมาให้ทดลองใช้งานและสัมผัสประสบการณ์ที่สุดของเทคโนโลยีได้อย่างใกล้ชิด โดยมีพนักงานที่พร้อมมอบคำแนะนำและบริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟให้กับ 70mai fans อย่างครบวงจรที่สุดในประเทศ ซึ่งในอนาคตอาจจะมีผลิตภัณฑ์มาอัพเดตเทคโนโลยีและการบริการที่ล้ำสมัยที่สุดให้แก่ผู้บริโภคอีกด้วย

70mai Store & Service

ภายในศูนย์บริการฯ ถูกออกแบบด้วยดีไซน์ที่ทันสมัย พร้อมพาผู้ใช้งานก้าวเข้าสู่ประสบการณ์แห่งโลกอนาคตกับพื้นที่โซนต่างๆ ที่ถูกจัดแบ่งไว้อย่างลงตัว มอบประสบการณ์ที่สะดวกสบายและครบครันกับผลิตภัณฑ์จาก 70mai ไม่ว่าจะเป็น 

  • 70mai 4K A810 HDR กล้องติดรถยนต์รุ่นเรือธง ที่บันทึกภาพชัดระดับ 4K
  • 70mai Omni ที่บันทึกภาพได้ 360 องศาผ่านระบบ AI
  • 70mai A500S กล้องติดรถยนต์รุ่นยอดฮิต บันทึกชัดระดับ 2k

และยังมีสินค้ารุ่นอื่นๆ ของ70mai ตั้งแต่กล้องติดรถยนต์รุ่นเริ่มต้นและสินค้าอุปกรณ์ตกแต่งมากมาย พิเศษภายในร้านยังมีอีกหนึ่งรุ่นที่จะนำเสนอให้ผู้บริโภคได้สัมผัสก่อนวางจำหน่ายจริงอย่าง 70mai Dashcam A200 กล้องติดรถยนต์รุ่นเริ่มต้นรุ่นแรกของ 70mai ที่รองรับการบันทึกหน้า-หลังอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีให้ผู้บริโภคได้ทดลองใช้ ซึ่งในอนาคตจะมีผลิตภัณฑ์ที่แปลกใหม่ และล้ำสมัยให้ผู้บริโภคได้สัมผัสประสบการณ์อย่างครบวงจรก่อนใครอีกด้วย

70mai เป็นบริษัทชั้นนำด้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับรถยนต์อัจฉริยะ มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอัจฉริยะของผลิตภัณฑ์ยานยนต์ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ในปัจจุบัน กลุ่มผลิตภัณฑ์อัจฉริยะสำหรับยานยนต์ได้รับการพัฒนาขึ้นมากมาย ครอบคลุมตั้งแต่การตอบสนองความต้องการการบันทึกขั้นพื้นฐาน เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์เรือธง 4K ที่มีฟังก์ชันอัจฉริยะและคุณภาพของภาพระดับไฮเอนด์ ฟังก์ชันของผลิตภัณฑ์ได้รับการปรับให้เหมาะสมอย่างต่อเนื่องผ่านการอัพเดตซอฟต์แวร์ OTA โดยวิศวกรชั้นหนึ่งและทีม R&D ตั้งแต่การปรับปรุงคุณภาพของภาพไปจนถึงการอัพเกรดฟีเจอร์อัจฉริยะ เดินหน้าส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าแม้ว่าจะซื้อผลิตภัณฑ์ไปแล้วก็ตาม 

70mai เปิดร้านค้าอย่างเป็นทางการบน Shopee และ Lazada ตั้งแต่ปี 2563 ได้รับรางวัลแบรนด์ที่ขายดีที่สุด (Best-Selling Brand) ในแค็ตตาล็อก AutoMotive บน Shopee กล้องติดรถยนต์ 70mai รุ่น M300 รุ่น A500S และกล้องติดรถยนต์รุ่นอื่น ๆ ประสบความสำเร็จอย่างมากในประเทศไทย และในครั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากล้องติดรถยนต์รุ่น A810 ที่มีการนำเซ็นเซอร์ล่าสุดของ Sony มาใช้ผ่านนวัตกรรมและการปรับปรุงฟังก์ชันกล้องติดหน้ารถ เราเชื่อว่า 70mai จะสร้างประสบการณ์การใช้งานและมาตรฐานกล้องติดรถยนต์ระดับไฮเอนด์ให้สูงขึ้นอีกครั้ง และมอบความเป็นไปที่ได้มากขึ้นแก่ผู้ใช้กล้องติดรถยนต์

70mai Store & Service ศูนย์บริการ แห่งแรกในประเทศไทย พร้อมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ ที่ ปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ รามอินทรา กม. 14 สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  70mai Shop & service Ramintra (ปั้มน้ำมันคาลเท็กซ์ รามอินทรา กม.14) 72/6 ถนนรามอินทรา แขวงมีนบุรี   เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร 10510  ติดต่อโทร 093-275-0706  

OPPO Reno10 5G สมาร์ตโฟนซูมพอร์ตเทรต ราคาใหม่ 12,990 บาท

OPPO Reno10 5G สมาร์ตโฟน ที่มาพร้อมกับกล้อง Telephoto Portrait Camera กล้องพอร์ตเทรตซูมได้เป็นครั้งแรกในสมาร์ตโฟนราคาระดับกลาง พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของได้ง่ายยิ่งขึ้นใน ราคาใหม่ เพียง 12,990 บาท จากราคาปกติ 13,990 บาท ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2566 เป็นต้นไป

นับว่าเป็นสมาร์ตโฟนระดับกลางรุ่นแรกในอุตสาหกรรม ที่มาพร้อมกล้อง 32MP Telephoto Portrait Camera กล้องพอร์ตเทรตซูมได้ ถ่ายภาพพอร์ตเทรตแบบซูมออปติคอลได้ถึง 2 เท่า ทำให้ได้ภาพตัวแบบที่ใกล้และโดดเด่นยิ่งขึ้น มาพร้อมเซ็นเซอร์ RGBW IMX709 ขนาดใหญ่จับภาพที่มีความละเอียดสูงสุดเท่าที่เคยมีมาในสมาร์ตโฟนกลุ่มราคานี้ พร้อมระบบกล้องอันทรงพลัง Ultra-Clear Portrait Camera ประกอบด้วยระบบกล้องหลัก 64MP Ultra-Clear Main Camera, กล้อง 32MP Telephoto Portrait Camera พร้อมกับเซ็นเซอร์ IMX709, กล้อง 8MP Ultra Wide Angle 112° และกล้องเซลฟี่ 32MP Ultra-Clear Selfie Camera ที่ผสานการทำงานร่วมกันเพื่อภาพถ่ายพอร์ตเทรตอันยอดเยี่ยมเพียงคลิกเดียว

อัปเกรดประสบการณ์การใช้งานไปอีกขั้นด้วยประสิทธิภาพทรงพลังด้วยชาร์จไว 67W SUPERVOOC ชาร์จแบตเตอรี่ได้เต็มใน 47 นาที และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh พร้อม RAM 8GB และหน่วยความจำสูงสุด 256GB โดดเด่นด้วยดีไซน์ 3D Dual – Curved ตัวเครื่องบางเบา จับถือได้สะดวก สบายมือ มาพร้อมหน้าจอ 120Hz 3D Curved มอบประสบการณ์การรับชมภาพที่ลื่นไหลกว่า

OPPO Reno10 5G มาพร้อม 2 สีสันสวยงามอย่าง สีฟ้า Ice Blue และ สีเทา Silvery Gray ใน ราคาใหม่ เป็นเจ้าของได้ง่ายกว่าเดิม เพียง 12,990 บาท พร้อมให้ทดลองสัมผัสได้แล้วที่ OPPO Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่: https://www.facebook.com/oppothai/

ดูข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่: https://bit.ly/46Zgv61

realme 11 5G และ realme 11x 5G สเปคดี 2 เท่า ในมาตรฐานระดับ ราคา เดียวกัน

เปิดตัว “realme 11 5G และ realme 11x 5G” สมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุดในตระกูล Number Series มอบสเปกดีที่ดีกว่า 2 เท่าในสมาร์ตโฟนรุ่นอื่นในเรท ราคา เดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นกล้องระดับแฟล็กชิปความละเอียด 108 ล้านพิกเซลพร้อมการซูม 3 เท่าโดยไม่สูญเสียความละเอียด รวมถึงระบบชาร์จเร็ว 67W SUPERVOOC และงานออกแบบตัวเครื่องสุดพรีเมียมในสไตล์ Glory Halo และ “realme 11x 5G” ที่คุ้มค่าไม่แพ้กันกับกล้องความละเอียด 64 ล้านพิกเซลพร้อมการชาร์จไว 33 วัตถ์ ซึ่งเป็นสเปคที่สูงที่สุดในระดับราคาเดียวกัน โดยเรียลมีได้พัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆเพื่อคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ ตามปรัชญา “No leap, no launch!” และล่าสุด realme ได้รับการเสนอชื่อ เป็นหนึ่งใน 67 สตาร์ทอัพจาก Fortune China Impact นิตยสารธุรกิจที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก ในปี 2023 ที่มุ่งเน้นไปยังบริษัทต่าง ๆ ที่มุ่งมั่นที่จะทำผลงานได้ดีและได้รับเสียงชื่นชมอยู่เสมอ ตอกย้ำการเป็นแบรนด์ที่มาพร้อมกับแนวคิด Dare to Leap อย่างแท้จริง

นอกจากการเป็นผู้นำเทคโนโลยีที่พร้อมมอบประสบการณ์อันก้าวกระโดดจากสมาร์ตโฟนทั้ง 2 รุ่นแล้ว realme ยังคงมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ที่ก้าวกระโดดให้กับคนรุ่นใหม่อยู่เสมอ จึงเปิดตัวสองพรีเซนเตอร์ “ปอนด์-ณราวิชญ์ เลิศรัตน์โกสุมภ์” และ “ภูวินทร์ ตั้งศักดิ์ยืน” ผู้เป็นไอคอนของคนรุ่นใหม่ โดยสำหรับหนุ่มปอนด์ ถือเป็นผู้ชนะเลิศจากการประกวดค้นหานักแสดงหน้าใหม่ และหนุ่มภูวินทร์ ยังได้รับรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ดีเด่นและด้วยความเพอร์เฟกต์และสมบูรณ์แบบอีกทั้งยังประสบความสำเร็จในเวลาอันรวดเร็วจึงเข้ากับความเป็น Double Star แบบเพอร์เฟกต์

realme 11 5G – ดีเป็นสองเท่าและล้ำที่สุดในเรทราคาเดียวกัน

กล้อง 108MP พร้อมซูม 3 เท่าแบบ in-sensor โดยไม่สูญเสียรายละเอียด

realme 11 5G ใช้เซ็นเซอร์กล้อง Samsung ISOCELL HM6 รองรับโหมดซูม 3 เท่าแบบไม่สูญเสียรายละเอียด ให้คุณถ่ายภาพเข้าใกล้วัตถุได้มากขึ้น ได้รายละเอียดมากขึ้น พร้อมความคมชัดขั้นสุดด้วยความละเอียดภาพสูง 108 ล้านพิกเซลซึ่งใหญ่ที่สุดในเซกเมนต์  (สมาร์ตโฟนส่วนใหญ่ในเรทราคาเดียวกันจะถ่ายภาพความละเอียดได้เพียง 50MP เท่านั้น) พร้อมด้วยเซนเซอร์ขนาด 1/1.67 ซึ่งใหญ่ที่สุดในเซกเมนต์เช่นเดียวกัน พร้อมชูจุดเด่นการถ่ายภาพกลางคืนที่ยอดเยี่ยมด้วยเทคโนโลยี 9-in-1 Binning โดยรวม 9 พิกเซลเป็น 1 ซูเปอร์พิกเซล จึงทำให้ได้คุณภาพของภาพถ่ายกลางคืนที่สว่างสดใสและควมคุม noise ได้ดีขึ้น

ชาร์จไวด้วยเทคโนโลยี 67W SUPERVOOC ดีเป็นสองเท่าในเรทราคาเดียวกัน

realme 11 5G ให้แบตเตอรี่ใหญ่ 5000mAh และยังมาพร้อมเทคโนโลยีการชาร์จ 67W SUPERVOOC (สมาร์ตโฟนส่วนใหญ่ในเรทราคาเดียวกันจะชาร์จได้เพียง 33W เท่านั้น) ผู้ใช้ยังมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยด้วยระบบป้องกัน 38 ระดับ ครอบคลุมทั้งในอุปกรณ์หัวชาร์จ สายดาต้า วงจรการชาร์จ ไปจนถึงแบตเตอรี่ เพื่อรับประกันความปลอดภัยในการชาร์จไฟที่สมบูรณ์แบบ

ในด้านของชิปเซ็ตของ realme 11 5G realme ยังคงเป็นผู้นำในด้าน 5G โดยถือเป็นแบรนด์แรกที่มาพร้อมกับขุมพลังชิปเซ็ต Dimensity 6100+ 5G บนสถาปัตยกรรมระดับ 6nm ที่รันแอปพลิเคชันได้อย่างลื่นไหลและใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าเดิม มาพร้อมจอแสดงผลระดับเรือธง 120Hz Dynamic Ultra Smooth Display ขนาด 6.72 นิ้ว เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ราบรื่นเทียบเท่ารุ่นแฟล็กชิป อีกทั้งยังติดตั้งเทคโนโลยี Dynamic RAM ให้ใช้งาน RAM สูงสุดถึง 16GB รับประกันความลื่นไหล ไม่ว่าจะเปิดใช้งานหลายแอปพร้อมกันหรือในการสลับระหว่างแอปที่เปิดอยู่

Glory Halo Design และกระบวนการผลิตระดับพรีเมี่ยม เพิ่มต้นทุนแบบดับเบิ้ลถึง 2 เท่า

ยกระดับความหรูหราให้กับสมาร์ตโฟนในมือคุณด้วยงานออกแบบระดับมาสเตอร์ในรูปแบบ Glory Halo Design ที่ใช้ในการออกแบบนาฬิกาหรูระดับพรีเมียม โดดเด่นด้วยดีไซน์โมดูลกล้องแบบกรอบหน้าปัดนาฬิกา Bazel Ring ที่หรูหราด้วยรอยหยักสุดประณีตมากกว่า 538 ช่อง รวมถึงเทคโนโลยีการเคลือบผิวแบบ PVD (Physical Vapour Deposition) ซึ่งต้องผลิตภายใต้สภาวะสุญญากาศขั้นสูงและถูกใช้เฉพาะในการผลิตแบรนด์นาฬิการะดับไฮเอนด์เท่านั้น เพื่อมอบผิวสัมผัสที่ให้ความรู้สึกหรูหรา เพิ่มความโดดเด่นด้วยการทำสีฝาหลังให้มีเอ็ฟเฟกต์แสงรูปตัว S สร้างประกายที่งดงามระดับพรีเมียมและให้ความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมเมื่ออยู่ในมือ

realme 11X 5G – อัดสเปคแน่นสมชื่อการเป็นสมาร์ตโฟนที่ดีที่สุดในเรทราคาเดียวกัน

มอบประสบการณ์การถ่ายภาพที่โดดเด่นด้วยกล้อง 64 ล้านพิกเซล คุ้มค่าที่สุดในกลุ่มสมาร์ตโฟน 5G เรตราคาเดียวกัน

ให้คุณสนุกกับการถ่ายภาพด้วยกล้อง AI 64MP แบบ 2 เลนส์พร้อมเซ็นเซอร์ขนาด 1/2 นิ้ว นับว่าดีที่สุดในเซกเมนต์พร้อมประสิทธิภาพซูม 2 เท่าแบบ in-sensor โดยไม่สูญเสียรายละเอียด มอบภาพถ่ายที่คมชัด เก็บรายละเอียดได้มากยิ่งขึ้น โดยมาพร้อมโหมด Super Nightscape ที่ผ่านการปรับแต่งอย่างละเอียดเพื่อการถ่ายภาพกลางคืนโดยเฉพาะ ทำงานด้วยอัลกอริธึมภาพขั้นสูงเพื่อเพิ่มการรับแสง ความชัดเจน และรายละเอียดในสภาพแสงน้อยให้สว่างชัดสูงสุด และเพิ่มความสนุกด้วยฟิลเตอร์ใหม่ 3 แบบ ทั้ง Tranquil: ฟิลเตอร์ขาวดำให้บรรยากาศเคร่งขรึมด้วยรายละเอียดที่สมบูรณ์และคอนทราสต์สวยงาม Crisp: มอบบรรยากาศแปลกตาโดยการเพิ่มโทนสีน้ำเงินเย็นในบริเวณไฮไลท์ของภาพ และ Cinematic: เน้นความคมเข้มโดดเด่นของวัตถุและบุคคลโดยเพิ่มคอนทราสต์และการตัดกันที่ชัดเจนระหว่างแสงและเงา

ชาร์จเร็ว 33W หนึ่งในฟีเจอร์ที่ดีที่สุดในเซกเมนต์

ติดตั้งระบบชาร์จเร็ว 33W ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่ดีที่สุดในเซกเมนต์ พร้อมกลไกความปลอดภัยในการชาร์จ 38 ระดับเช่นเดียวกับรุ่น 11 5G รวมถึงยังให้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่เท่ากันที่ 5000mAh เพื่อรองรับการใช้งานตลอดวัน

realme 11x 5G ยังใช้ชิปเซ็ต Dimensity 6100+ 5G เหมือน realme 11 5G เพื่อให้ประสิทธิภาพที่เร็วแรงรวมถึงการใช้พลังงานและความเร็ว 5G เพื่อให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสกับเทคโนโลยี 5G อันเหนือขั้นในราคาที่จับต้องได้

มอบรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและพรีเมียมเช่นเดียวกับ realme 11 5G

realme 11X 5G ยังคงความสวยงามพรีเมียมเช่นเดียวกับ realme 11 5G ด้วย Glory Halo Design เพื่อให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสกับต้นทุนที่ดีแบบคูณสอง เรียกได้ว่า realme 11x 5G นั้นมีความโดดเด่นและคุ้มค่าไม่แพ้กับ realme 11 5G สมกับความเป็น Double Star อย่างแท้จริง

realme Buds T300 – ดื่มด่ำกับเสียงที่มีคุณภาพด้วยเทคโนโลยี ANC พร้อม Dynamic Bass Driver ขนาดใหญ่

นอกจากนี้ภายในงาน realme ยังได้เปิดตัว realme Buds T300 หูฟังไร้สายที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Dynamic Bass Driver ขนาด 12.4mm ซึ่งไดรเวอร์ขนาดใหญ่นี้จะช่วยให้ได้รับเสียงเบสที่เต็มอิ่ม สนามเสียงที่ไพเราะและเสียงร้องที่ชัดเจน พร้อมรองรับการตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟสูงสุด 30dB ด้วยเทคโนโลยี ANC Noise Cancellation ที่จะช่วยให้ได้รับอรรถรสที่เต็มอิ่มในโลกของคุณได้ตลอดเวลาแม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง และยังมอบดีไซน์ที่เพรียวบางและมีสไตล์ พร้อมการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์เพื่อให้พอดีกับรูปทรงหูที่แตกต่างกัน ไม่เพียงเท่านั้นยังมอบประสิทธิภาพด้วยการกันน้ำระดับ IP55 ให้คุณใช้งานได้อย่างไร้ความกังวล

ราคาและการวางจำหน่าย

  • realme 11 5G มาพร้อมความจุ 8/256GB นำเสนอ 2 โทนสีทั้ง Glory Gold และ Glory Black ใน ราคา 8,999 บาท และสำหรับช่องทางอีคอมเมิร์ชสามารถเป็นเจ้าของได้ผ่านช่องทาง Lazada โดยพรีออเดอร์ได้ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน – 24 กันยายนและวางจำหน่ายวันที่ 25 กันยายน – 28 กันยายน พร้อมรับของแถมจำนวนจำกัด สำหรับช่องทางเครือข่าย True, dtac และ AIS มาในราคาเริ่มต้นเพียง 5,200 บาท โดยสามารถพรีออเดอร์ได้แล้วตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน -28 กันยายน สำหรับช่องทาง BaNANA, BKK, KingKong, IT City, CSC, TG phone, Jaymart, Maxlink, Stamp รวมถึง realme Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ สามารถพรีออเดอร์ได้แล้วตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน – 28 กันยายน ไม่เพียงเท่านั้น! หากพรีออเดอร์ในช่วงเวลาที่กำหนดในทุกช่องทางยังได้รับสิทธิ์แลกซื้อ realme Buds T300 ได้ในราคาเพียง 999 บาท (สำหรับช่องทางเครือข่าย สงวนสิทธิ์แลกซื้อ realme Buds T300 ในราคา 999 บาทเฉพาะที่ช็อป True เท่านั้น) และสามารถเป็นเจ้าของได้พร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 29 กันยายนเป็นต้นไป

ช่องทางการสั่งซื้อ realme 11 5G : http://bit.ly/48ddX4O  

  • realme 11x 5G มาพร้อมความจุ 8/128GB นำเสนอ 2 โทนสีทั้ง Purple Dawn  และ Midnight Black ใน ราคา 6,999 บาท และสำหรับช่องทางอีคอมเมิร์ชสามารถเป็นเจ้าของได้เฉพาะช่องทาง Shopee โดยพรีออเดอร์ได้ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน – 24 กันยายนและวางจำหน่ายวันที่ 25 กันยายน – 28 กันยายน พร้อมรับของแถมจำนวนจำกัด สำหรับช่องทางเครือข่าย True, dtac และ AIS มาในราคาเริ่มต้นเพียง 3,399 บาท โดยสามารถพรีออเดอร์ได้แล้วตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน -28 กันยายน สำหรับช่องทาง BaNANA, BKK, KingKong, IT City, CSC, TG phone, Jaymart, Maxlink, Stamp รวมทั้ง realme Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศสามารถพรีออเดอร์ได้แล้วตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน -28 กันยายนและสามารถเป็นเจ้าของได้พร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 29 กันยายนเป็นต้นไป

ช่องทางการสั่งซื้อ realme 11x 5G : http://bit.ly/44KmOYV  

  • realme Buds T300  นำเสนอ 2 โทนสีคือ Stylish Black และ Youth White ในราคา 1,199 บาท โดยสามารถเป็นเจ้าของได้ตั้งแต่วันที่ 29 กันยายนเป็นต้นไปผ่านช่องทางเครือข่าย True , ช่องทางอีคอมเมิร์ชทั้งช่องทาง Lazada และ Shopee , ตัวแทนจำหน่าย BaNANA, BKK, KingKong, IT City, CSC, TG phone, Jaymart, Maxlink, Stamp รวมทั้ง realme Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

Acer PredatorShot Vitamin Drink เครื่องดื่ม สดชื่น เสริมสุขภาพ วางขายแล้วที่ 7-Eleven

เปิดตัว Acer PredatorShot Vitamin Drink เครื่องดื่มเพิ่มความสดชื่น บำรุงสายตา เพิ่มภูมิต้านทานตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ใส่ใจสุขภาพ พร้อมจำหน่ายแล้วที่ 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ

พรีเดเตอร์ช็อต วิตามิน ดริ้งก์ (PredatorShot Vitamin Drink) มีให้เลือกด้วยกัน 2 รสชาติ วางจำหน่ายใน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ โฟกัสกลุ่มเกมเมอร์ คนทำงาน คนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพด้วยคุณประโยชน์ของวิตามินเอ บีรวม และซี รวมถึงแอลทีอะนีน คาเฟอีนธรรมชาติจากชาเขียว

  • พรีเดเตอร์ช็อต แอคทีฟ กลิ่นเบอรี่ (PredatorShot Vitamin Drink Active Berry) รสหวานอมเปรี้ยว หอมกลิ่นเบอรี่ มีส่วนผสมของวิตามินเอ วิตามินบีรวม สดชื่นด้วยคาเฟอีนธรรมชาติจากชาเขียว
  • พรีเดเตอร์ช็อต รีเฟรช กลิ่นองุ่นมัสแคท (PredatorShot Vitamin Drink Refresh Muscat) รสเปรี้ยวหวาน หอมชื่นใจ อุดมด้วยส่วนผสมวิตามินเอ วิตามินซี และแอลทีอะนีน จำหน่ายในขวดปริมาณ 420 มิลลิลิตร ราคาขวดละ 20 บาท

นายนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ในช่วงปลายปี 2564 เอเซอร์ได้เปิดตัวเอนเนอร์จี้ดริ้งก์ภายใต้ชื่อ PredatorShot ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี เพื่อต่อยอดความสำเร็จเราได้คิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันที่หันมาใส่ใจสุขภาพ PredatorShot Vitamin Drink ที่วางจำหน่ายในวันนี้ เป็นเครื่องดื่มผสมวิตามินที่เอเซอร์ยังให้ความสำคัญในเรื่องของการบำรุงสายตา บำรุงสมอง เราดึงคุณสมบัติการบำรุงสายตาและการมองเห็นของ วิตามินเอ มาเป็นส่วนผสมสำคัญ และยังมี วิตามินบีรวม ช่วยบำรุงประสาทและสมอง วิตามินซี ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานกระตุ้นระบบการทำงานในสมอง คาเฟอีนธรรมชาติจากชาเขียว และแอลทีอะนีน (L-Theanine) สารสกัดจากชาเขียวที่ช่วยให้ผ่อนคลาย เสริมสร้างระบบความจำ ด้วยคุณประโยชน์ ความลงตัวของรสชาติ รวมถึงความสดชื่นจากกลิ่นเบอรี่และกลิ่นองุ่นมัสแคทที่ลงตัว PredatorShot Vitamin Drink ทั้ง 2 รสชาตินี้จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องดื่มที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคอย่างแน่นอน

Vivo X60 Pro 5G มาพร้อมเลนส์ ZEISS เตรียมลงตลาดประเทศไทย

หลังจากประกาศความร่วมมือระหว่าง Vivo แบรนด์สมาร์ตโฟนระดับโลก และ ZEISS บริษัทผู้พัฒนาอุปกรณ์เลนส์ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในอุตสาหกรรม เพื่อร่วมสนับสนุนและพัฒนาทางวิศวกรรม (Co-Engineer) สำหรับนวัตกรรมและเทคโนโลยีกล้องสมาร์ตโฟนในปีที่ผ่านมา ล่าสุด Vivo เตรียมประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นแรกจากความร่วมมือระหว่าง 2 ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี เพื่อส่งมอบประสบการณ์การถ่ายภาพระดับมืออาชีพสู่มือผู้บริโภคในประเทศไทย กับ Vivo X60 Pro 5G สมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นท็อปที่สุดของ Vivo ที่จ่อเปิดตัวเร็วๆ นี้

สเปกเบื้องต้นคาดว่า X60 Pro จะมาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัวที่ผสานการทำงานร่วมกับเลนส์ที่ครบถ้วน ทั้งเลนส์หลักที่คาดว่าจะมีความละเอียดสูงถึง 48MP พร้อมรองรับระบบกันสั่นสุดล้ำ Gimbal Stabilization 2.0 VIS แบบ 5 แกน พัฒนาขึ้นมาจากรุ่นก่อนหน้า ให้ภาพและวิดีโอที่มีมิติและลื่นไหลกว่าที่เคย เลนส์สำหรับถ่ายภาพบุคคล (Portrait) ความละเอียด 13MP พร้อมโหมดที่ช่วยให้ถ่ายโบเก้ (Bokeh) ได้สวยเนียนเป็นธรรมชาติ และเลนส์มุมกว้าง Super Wide Angle ความละเอียด 13MP เก็บภาพได้ครบทุกองศา

Vivo X60 Pro ถือเป็นผลิตภัณฑ์แรกที่เกิดจาก Vivo ZEISS Imaging Lab ศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีกล้องสำหรับสมาร์ตโฟนระดับเรือธงของ Vivo ที่มุ่งคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อพัฒนาด้านการถ่ายภาพบนมือถืออย่างสมบูรณ์แบบและยกระดับเลนส์กล้องสมาร์ตโฟนของ Vivo ขึ้นไปอีกขั้น

คาดว่า X60 Pro ที่มาพร้อมเลนส์สุดพรีเมียมจาก ZEISS จะเปิดตัวในเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทยได้สัมผัสประสบการณ์การถ่ายภาพแบบมือโปรด้วยมือถือที่ทั้งสะดวกและง่ายดายกว่าที่เคย สายถ่ายภาพเตรียมอดใจรอกันอีกไม่นาน

AIS ร่วมกับ SNC เดินหน้ายกระดับภาคอุตสาหกรรม นำ 5G คลื่น 26 GHz นำร่องพื้นที่ EEC

AIS เดินหน้านำ 5G คลื่น 26 GHz ที่มีมากที่สุด ยกระดับภาคอุตสาหกรรม กู้เศรษฐกิจไทยเปิดสวิตซ์! ผนึก SNC นำร่องในพื้นที่ EEC แล้ว

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “ปี 2564 ยังคงเป็นปีที่ท้าทายอย่างมากสำหรับการเดินหน้าของประเทศ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วน ที่ต้องผนึกกำลังเสริมความแข็งแกร่งเพื่อให้สามารถฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกันให้ได้ ซึ่งเอไอเอสในฐานะผู้พัฒนา Digital Infrastructure ยึดมั่นในบทบาทนี้อย่างยิ่งเช่นกัน ดังที่เคยประกาศไว้ในการเปิดตัว AIS 5G เป็นรายแรก ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 หลังจากเป็นผู้ชนะการประมูล ด้วยการถือครองคลื่นความถี่มากที่สุด ครบทั้งย่านความถี่ต่ำ กลาง และสูง ครอบคลุมการใช้งานทุกรูปแบบ เทียบเท่ามาตรฐานโลก 

โดยในช่วงที่ผ่านมา เราได้ร่วมทำงานกับพาร์ทเนอร์ผู้ผลิต Device ระดับโลก ,ทดลองทดสอบ 5G โซลูชั่นส์กับพาร์ทเนอร์หลากหลายอุตสาหกรรม พร้อมๆกับการลงทุนพัฒนาเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง จนครบ 77 จังหวัดเป็นรายแรก พร้อมครอบคลุม 100% สำหรับพื้นที่ใช้งานใน EEC ด้วยงบลงทุนในปี 2563 เป็นเงิน 35,000 ล้านบาท และสำหรับปีนี้ 2564 เอไอเอส ได้เตรียมงบลงทุนเครือข่ายรวม 25,000 – 30,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาเครือข่ายทั้ง 5G และ 4G อันจะเป็นการยกระดับสู่โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอัจฉริยะที่แข็งแกร่งเพื่อประโยชน์ของประเทศต่อไป”

ล่าสุด วันนี้ AIS โดยบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (เอดับบลิวเอ็น) ผู้ได้รับจัดสรรคลื่นความถี่ย่าน 26 GHz (25.2 – 26.4 GHz ) ได้ชำระค่าคลื่นความถี่ย่าน 26 GHz เป็นเงินจำนวน 5,719,150,000.00 บาท (ห้าพันเจ็ดร้อยสิบเก้าล้านหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทถ้วน) (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้เอไอเอสเป็นเพียงรายเดียวที่มีคลื่น 26 GHz ย่านความถี่สูง ในปริมาณแบนด์วิธมากที่สุดถึง 1200 MHz และพร้อมแล้วในการเปิดให้บริการทันที โดยคุณสมบัติของคลื่น 26 GHz ถือได้ว่าตอบโจทย์การดำเนินงานของภาคอุตสาหกรรมเป็นอย่างยิ่ง อาทิ

  • เนื่องจากเป็นย่านความถี่สูงและมีปริมาณแบนด์วิธมากที่สุด มีความสามารถในการรองรับการใช้งานได้มหาศาล จึงทำให้ลงเครือข่ายได้อย่างเฉพาะเจาะจงในพื้นที่ของแต่ละโรงงาน อย่างไม่ต้องกังวลเรื่องการกวนกันของคลื่นสัญญาณ
  • สามารถออกแบบเครือข่ายได้อย่างสอดรับกับลักษณะธุรกิจที่แตกต่างกันของแต่ละโรงงานอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • มีความหน่วงที่ต่ำมาก สามารถตอบสนองการทำงานของอุปกรณ์ในสายพานการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • มีระดับความเร็วของการส่ง Data ไร้สายเสมือนวิ่งอยู่บนสายไฟเบอร์
  • ติดตั้งสถานีฐานได้ง่ายดายและรวดเร็ว เพราะอุปกรณ์มีขนาดเล็ก

จึงเป็นที่มาของการเน้นย้ำถึงโอกาสของการนำคลื่น 26 GHz มาให้บริการทันที อย่างสอดคล้องกับนโยบายภาครัฐในการยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทย ร่วมฟื้นฟูเศรษฐกิจในภาพรวม ด้วยการขับเคลื่อนผ่านโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor – EEC) นั่นเอง

ทั้งนี้ ตลอดปี 2563 ที่ผ่านมา เอไอเอส เดินหน้าผนึกผู้นำอุตสาหกรรมระดับประเทศ อย่างสหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง ในการร่วมทุนตั้งบริษัท สห แอดวานซ์ เน็ทเวอร์ค พัฒนาด้าน ICT Infrastructure และเทคโนโลยี 5G, อมตะ คอร์ปอเรชัน ร่วมพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City), สวนอุตสาหกรรมบางกะดี พัฒนาสวนอุตสาหกรรมอัจฉริยะ, สวนอุตสาหกรรมโรจนะ ในการยกระดับภาคการผลิต และ ปตท. ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี 5G สร้างนวัตกรรม Unmanned ภายในพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ จ.ระยอง โดยล่าสุด ได้ร่วมกับ เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ (SNC) ผู้ผลิตกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำของประเทศในพื้นที่ EEC นำเทคโนโลยี 5G มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิตภายในโรงงาน โดยที่ผ่านมาได้ร่วมทดลองการใช้งานบนคลื่นความถี่ 26 GHz แล้วและประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง พร้อมเป็นต้นแบบของการยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทยสู่การเป็น Digital Industrial  ต่อไป

ทางด้าน ดร.สมชัย ไทยสงวนวรกุล ประธาน EEC Industrial Forum กล่าวถึงการผลักดันเทคโนโลยี 5G ในพื้นที่ EEC ว่า “จุดมุ่งหวังหนึ่งของอีอีซี อินดัสเทรียล ฟอรั่ม เราต้องการพัฒนา Recourses ทั้งทรัพยากรบุคคล และทรัพยากรด้านดิจิทัล โดยมีกลุ่มผู้นำจากภาคอุตสาหกรรมและภาคการศึกษาร่วมกันเชื่อมประสานพัฒนาความก้าวหน้าที่เป็นจริง สัมผัสจับต้องได้ ผมรู้สึกดีใจที่ในวันนี้ การพัฒนาเทคโนโลยี 5G เราไม่แพ้ชาติใดในโลก ไม่เพียงเท่านี้ ยังเป็นแกนหลักโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่จำเป็นสำหรับภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC ที่เปรียบเสมือนเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุดใหม่ ที่สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเพื่อรองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก โดยเทคโนโลยี 5G จะถูกเชื่อมโยงเข้ามาในบทบาทของคลัสเตอร์อุตสาหกรรมดิจิทัล เพื่อการตอบสนองแบบ Real Time รองรับภาคการผลิต การท่องเที่ยว และเกษตรกรรม เช่น ยานยนต์อัตโนมัติ (Autonomous Vehicle) ระบบโรงงานอุตสาหกรรมอัจฉริยะ (High Precision Automatic Industry) การให้บริการด้าน Smart Logistic, IoT และนวัตกรรมต่างๆ การบริหารจัดการคมนาคมต่างๆ ทั้งทางเรือ หรือสนามบิน เป็นต้น เพื่อผลักดันให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและปรับฐานอุตสาหกรรมเดิมในพื้นที่่ ผ่านการวิจัยและพัฒนาร่วมกันระหว่างภาครัฐ เอกชน มหาวิทยาลัย และชุมชนในพื้นที่ ซึ่งจะทำให้เขตพื้นที่ EEC มีศักยภาพสูงด้านการลงทุน ทั้งในไทยและนักลงทุนจากทั่วโลก”

นายสมชาย งามกิจเจริญลาภ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสเอ็นซี ฟอร์เมอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ ในฐานะผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า เรามุ่งมั่นในการปรับระบบการผลิตให้มีความยืดหยุ่นทันต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะปี 2563 ที่ภาคอุตสาหกรรมไทยต่างได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ด้วยเหตุนี้ เทคโนโลยี จึงมีส่วนสำคัญอย่างมากในการเชื่อมต่อให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ โดยเอไอเอส ถือเป็นพาร์ทเนอร์ชั้นนำของประเทศที่มีความพร้อมด้วยโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล โดยเฉพาะเทคโนโลยี 5G ที่เข้ามาช่วยตอบโจทย์ภาคการผลิตได้อย่างลงตัว โดยปัจจุบัน ได้มีการประยุกต์ใช้ใน 3 ส่วนหลัก ได้แก่ 

  1. 5G AGV เป็นการใช้ 5G ควบคุม และสั่งการรถ AGV (Automated Guided Vehicles) ที่ใช้สำหรับการขนส่งชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับสายการผลิตภายในโรงงาน และระหว่างโรงงาน เพื่อให้การขนส่งชิ้นส่วนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การผลิตมีประสิทธิภาพ เพิ่มผลผลิตให้โรงงาน 
  2. 5G Smart Robot เป็นการใช้ 5G ควบคุม สั่งการ ในส่วนของ แขนกลหุ่นยนต์ (Robot) ที่ใช้งานในส่วนสายการผลิตที่เกี่ยวข้องเช่น Press, Brazing, CNC, Heat& Cool และ Assembly line เป็นต้น โดยเทคโนโลยี 5G จะนำมาช่วยลดความผิดพลาดที่เกิดจากคน (Human error) และช่วยสร้างความปลอดภัย, ลดการเกิดอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นกับคนได้ 
  3. 5G Active Dashboard การประยุกต์ใช้งาน 5G ในการเชื่อมต่อระหว่าง Server และ Machine เพื่อให้สามารถ Monitoring สายการผลิตต่างๆ นำไปสู่การปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งทำให้โรงงานเป็น Smart factory อย่างแท้จริง”

จากการชำระค่าคลื่นความถี่ย่าน 26 GHz พร้อมรับใบอนุญาตในวันนี้ ส่งผลให้ เอไอเอส ถือครองคลื่นความถี่ 5G ครบทั้ง 3 ย่าน ได้แก่ คลื่น 700 MHz, 2600 MHz และ 26 GHz หากรวมเฉพาะคลื่นความถี่ที่จะนำมาให้บริการ 5G ทั้งหมดอยู่ที่ 1330* MHz และเมื่อรวมกับคลื่นความถี่เดิมที่มีจำนวนมากที่สุดอยู่แล้ว ส่งผลให้เอไอเอสยังคงยืนหยัด ในฐานะผู้นำอันดับ 1 ที่มีคลื่นความถี่ในการให้บริการ 3G,4G และ 5G มากที่สุดในอุตสาหกรรม รวม 1420 MHz (ไม่รวมคลื่นที่เกิดจากความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ) ที่จะสามารถนำไปพัฒนาเพื่อสร้างประโยชน์แก่คนไทยและภาคอุตสาหกรรมในระยะยาวต่อไป โดยล่าสุด เอไอเอส ได้รับการการันตีคุณภาพเครือข่าย ในฐานะเครือข่ายมือถือ 5G และ 4G ที่เร็วที่สุดในไทย จาก Ookla® Speedtest® ผู้ให้บริการทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตระดับโลกอีกด้วย